เจ้าอาวาส-มูลนิธิวัดพนัญเชิง ยังขัดแย้ง-ไม่ได้ข้อสรุป กรณีย้าย "สุสานเป็นที่จอดรถ"

 

โดยการพูดคุยนานกว่า 5 ชั่วโมง เมื่อวานนี้ ยังไม่ได้ข้อสรุปร่วมกัน เนื่องจากการย้ายศพออกจากสุสานที่ผ่านการทำพิธีไปแล้วนั้น กระทำไม่ได้ ขณะที่ทางวัด เจ้าของที่ดินตามกฏหมาย ยังคงประสงค์จะนำที่ดินไปใช้ประโยชน์ในกิจการของวัด ทั้งนี้ มีการตั้งข้อสังเกตว่า กรณีดังกล่าวมีผลประโยชน์มหาศาลมาเกี่ยวข้องอยู้่เบื้องหลัง เพราะการฝังศพบรรพบุรุษแต่ละศพ ทางญาติจะต้องจ่ายเงินค่าหลุมให้กับมูลนิธิรายละ 300,000 บาท ซึ่งที่ผ่านมา วัดไม่ได้รับประโยชน์จากรายได้ส่วนนี้ ทั้งที่เป็นเจ้าของโฉนดที่ดิน

    

 

พระเทพรัตนากร แววกะตะสาโร เจ้าคณะจังหวัดพระนครศรีอยุธยา หรือเจ้าอาวาสวัดพนัญเชิงวรวิหาร กล่าวว่า ที่ดินที่ใช้ในการฝังศพ เป็นของวัดกว่า 20 ไร่ พร้อมกับยืนยันว่า ทางวัดไม่เคยรับรู้เรื่องการเก็บค่าหลุมศพ เป็นการเรียกเก็บของมูลนิธีวัดพนันเชิง หรือ เชี่ยงเต็กตึ๊ง แต่ตอนนี้ ทางวัดพนันเชิงประสงค์จะนำที่ดินกลับมาใช้ประโยชน์ในกิจการของวัด และต้องการให้มูลนิธีส่งมอบที่ดินคืนวัดภายในวันที่ 1 ส.ค. 2557 นี้ หากมูลนิธิไม่ยอมทำตามเงื่อนไขจะฟ้องดำเนินคดีตามกฏหมาย เพื่อป้องกันไม่ให้นำที่ดินของวัดไปแสวงหาผลประโยชน์

 

ทางด้านนายวินัย อัศวราชันย์ หรือเชี่ยง เซี่ยงเต็กตึ้ง ผู้ดูแลหลุมฝังศพของมูลนิธิ ซึ่งอยู่ตรงข้ามวัดพนันเชิง ยังยืนกรานว่า การย้ายศพชาวไทยเชื้อสายจีน ที่ผ่านการทำพิธีแล้ว ทำไม่ได้ เพราะเป็นความเชื่อของคนไทยเชื้อสายจีนมายาวนาน แต่จะหารือกับคณะกรรมการมูลนิธิก่อน เบื้องต้นอยากให้ทางวัดให้เวลากับมูลนิธิ ในการติดตามญาติผู้เสียชีวิต 2 ปี เพื่อไม่ให้มีปัญหาทีหลัง แต่ก็ยอมรับว่าได้เรียกเก็บเงินจากญาติผู้ตายจริง เพื่อเป็นค่าซื้อที่ดิน ค่าก่อสร้างหลุมฝังศพ

 

ปัญหาพิพาทระหว่างวัดพนัญเชิงวรวิหารและมูลนิธิ นายวิทยา ผิวผ่อง ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยาได้เป็นตัวกลางไกล่เกลี่ย แต่การประชุมนัดแรกยังไม่ได้ข้อยุติ แต่ก็ต้องการให้สองฝ่ายหันหน้าเข้าหากัน ก่อนที่ปัญหาการย้ายสุสานออกจากวัดพนัญเชิงจะบานปลายกลายเป็นข้อพิพาทลุกลามไปมากกว่านี้