ศบค.ไฟเขียวสังสรรค์ปีใหม่ คุมคนร่วมงานไม่เกิน 50%

สังคม
17 ธ.ค. 63
12:32
1,674
Logo Thai PBS
ศบค.ไฟเขียวสังสรรค์ปีใหม่ คุมคนร่วมงานไม่เกิน 50%
ศบค.เผยพบผู้ติดเชื้อ COVID-19 เพิ่มอีก 20 คน โดย 1 คนกลับจากต่างประเทศ ส่วนอีก 19 คนอยู่ในสถานที่กักกันโรค ย้ำจัดสังสรรค์ปีใหม่ได้ แต่ต้องแบ่งโซนและจำกัดจำนวนผู้ร่วมงานไม่เกิน 50% ของพื้นที่จัดงาน

วันนี้ (17 ธ.ค.2563) นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค. รายงานสถานการณ์ COVID-19 ในประเทศไทย พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 20 คน โดยเดินทางมาจากต่างประเทศ 1 คน และอยู่ในสถานที่กักกันของรัฐ 19 คน รวมผู้ป่วยยืนยันสะสม 4,281 คน หายป่วยแล้ว 3,989 คน และเสียชีวิต 60 คน ซึ่งช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาสามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้ โดยอยู่ใน State Quaruntine ทั้งสิ้น

ส่วนสถานการณ์ในต่างประเทศ พบผู้ติดเชื้อ COVID-19 รวมกว่า 74 ล้านคน เฉพาะวันนี้ (17 ธ.ค.) เพิ่มขึ้นกว่า 6.8 แสนคน เสียชีวิตเพิ่มกว่า 1.3 หมื่นคน ส่งผลให้มียอดผุ้เสียชีวิตรวมกว่า 1.6 ล้านคน สูงสุดที่เกิดการแพร่ระบาดยังคงเป็นประเทศสหรัฐอเมริกา ส่วน "ประเทศไทย" อยู่ในอันดับที่ 152 จากทั้งหมด 216 ประเทศ

คุมจำนวนคนร่วมงานปีใหม่

นพ.ทวีศิลป์ ระบุถึงที่ประชุม ศบค.ชุดใหญ่ ว่ามีการกล่าวถึงสถานการณ์ที่ผ่านมา โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (ศบค.) ขอให้ทุกฝ่ายเข้มงวดมาตรการสาธารณสุข โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลปีใหม่ รวมถึงผู้ฝ่าฝืนที่สุ่มเสี่ยงแพร่กระจายโรค และสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน

ย้ำว่า ช่วงเทศกาลปีใหม่สามารถจัดงานรื่นเริงได้ แต่ผู้จัดงานและผู้ร่วมงานต้องปฏิบัติตามมาตรการเคร่งครัด เช่น จำกัดจำนวนผู้ชม-ผู้ร่วมกิจกรรมไม่เกิน 50% ของพื้นที่จัดงานทั้งหมด และแบ่งโซนผู้ร่วมงานเป็นกลุ่มย่อย

พร้อมระบุว่า นายกฯ อยากให้เทศกาลปีใหม่มีบรรยากาศรื่นเริงพอประมาณ ในรูปแบบ New Normal ที่ยังต้องการการปลอดเชื้อ COVID-19 ในประเทศ โดยขอให้ประชาชนปฏิบัติตามมาตรการสาธารรสุขอย่างเคร่งครัด

พบผู้ติดเชื้อจาก "ท่าขี้เหล็ก" 67 คน

ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) รายงานต่อที่ประชุม ศบค. ว่า ขณะนี้พบผู้ติดเชื้อจากกรณี "ท่าขี้เหล็ก" ประเทศเมียนมา จำนวน 67 คน ส่วนใหญ่อยู่ใน จ.เชียงราย และอยู่ในสถานที่กักกันของจังหวัด

ขณะที่มาตรการสาธารณสุขตามแนวชายแดน มีทั้งการตั้งด่านเฝ้าระวังและคัดกรอง เพิ่มความเข้มงวดตรวจจับผู้ที่ลักลอบเข้าเมืองผ่านช่องทางธรรมชาติ รวมถึงเฝ้าระวังโรคในระบบขนส่งสาธารณะ โรงพยาบาล-คลินิก ชุมชน สถานบันเทิง สถานประกอบการ เป็นต้น

นอกจากนี้ ผู้บัญชาการทหารสูงสุดยังได้ลงพื้นที่ด่านแม่สาย จ.เชียงราย สร้างกลไกความร่วมมือระหว่างชายแดน ทั้งเรื่องการจับกุมผู้ลักลอบข้ามแดน ดูแลผู้เดินทางผ่านแดน บูรณาการทำงานร่วมกับท้องถิ่นดูแลผู้เข้าพื้นที่หมู่บ้าน-ชุมชน สถานที่ที่อาจเป็นแหล่งพักพิง หรือมีการใช้แรงงานข้ามชาติผิดกฎหมาย

อย่างไรก็ตาม นายกฯ ฝากความห่วงใยถึงคนในพื้นที่ว่าไม่อยากปิดด่าน เพราะเรื่องการค้าเป็นวิถีชีวิตปกติ แต่อยากให้มีพื้นที่ส่วนกลางในการจัดวางสินค้า เพื่อไม่ให้คนสัมผัสกัน

ปรับการตรวจหาเชื้อโควิด รองรับลดวันกักตัว

ด้านเลขาฯ สมช. เสนอต่อที่ประชุม ศบค. เรื่องปรับวันการตรวจหาเชื้อ COVID-19 สำหรับผู้กักตัวในสถานที่กักกันโรคที่รัฐกำหนด ขณะนี้ยังคงการกักตัว 14 วัน และจากเดิมมีการตรวจเพื่อยืนยันหาเชื้อ 2 ครั้ง แต่หากจะลดวันกักตัวเหลือ 10 วัน จะต้องปรับการตรวจหาเชื้อเป็น 3 ครั้ง ซึ่งขณะนี้ได้เริ่มทดลองตรวจแล้วตั้งแต่วันที่ 1-31 ธ.ค. และจะวิเคราะห์และประเมินผลในช่วงวันที่ 1-15 ม.ค.2564

ขณะเดียวกันมอบหมายให้ สธ. หาแนวทางลดค่าใช้จ่ายในการตรวจหาเชื้อ COVID-19 ของโรงพยาบาลเอกชนที่เป็นคู่สัญญากับ ASQ ซึ่งแต่ละแห่งอาจมีค่าใช้จ่ายแตกต่างกัน โดยให้ สธ.ขอรับการสนับสนุนงบประมาณจากรัฐบาล เพื่อนำเงินไปจ่ายให้กับโรงพยาบาลดังกล่าว

นอกจากนี้ที่ประชุม ศบค.ยังเห็นชอบขยายเวลาการอนุญาตให้ชาวต่างชาติที่มากับเรือสำราญ และกีฬา (เรือยอร์ช) ที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทย มีสิทธิขอรับการตรวจลงตราประเภทนักท่องเที่ยวประเภทพิเศษ (STV) เพิ่มเติมอีกเป็นเวลา 30 วัน เนื่องจากก่อนหน้านี้ได้ให้สิทธิเข้าประเทศ 30 วัน แต่เมื่อถูกกักตัว 14 วัน จึงทำให้เหลือวันท่องเที่ยวในไทยลดลง จึงเห็นควรให้เพิ่มอีก 15 วัน เพื่อขยายระยะเวลาออกไป

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

มท.สั่งทุกจังหวัดคุมเข้ม "คริสต์มาส-เคาท์ดาวน์" สกัดโควิด

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง