กมธ.ปปช. เรียก 4 แกนนำให้ข้อมูล หลังระบุไม่เป็นธรรมระหว่างถูกคุมขัง

การเมือง
16 มิ.ย. 64
15:46
179
Logo Thai PBS
กมธ.ปปช. เรียก 4 แกนนำให้ข้อมูล หลังระบุไม่เป็นธรรมระหว่างถูกคุมขัง
กมธ.ปปช. เรียก 4 แกนนำราษฎร ให้ข้อมูลปัญหาความไม่เป็นธรรมระหว่างคุมขังในเรือนจำ พบมีการดักฟังข้อมูลต่อสู้คดี เตรียมสรุปปมเจ้าหน้าที่เรือนจำประพฤติมิชอบหรือไม่

วันนี้ (16 มิ.ย.2564) ที่รัฐสภา มีการประชุมคณะกรรมาธิการการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ หรือ ปปช. ซึ่งที่ประชุมได้เชิญ 4 แกนนำกลุ่มราษฎร ประกอบด้วย นายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือ ไมค์ , นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ เพนกวิน ,นายปิยรัฐ จงเทพ หรือ โตโต้ และ น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือ รุ้ง เพื่อสอบถามข้อเท็จจริงปัญหาการควบคุมตัวในเรือนจำ หลังมีการร้องเรียนให้ตรวจสอบการทำหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รัฐ สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 16 มี.ค.ที่ผ่านมา มีการย้ายผู้ต้องหาคดีการเมืองจากเรือนจำธนบุรีไปยังเรือนจำพิเศษกรุงเทพ และมีความพยายามจะเคลื่อนย้ายตัวผู้ต้องหาในยามวิกาล โดยไม่ได้รับความยินยอมโดยอ้างว่าจะมีการตรวจหาเชื้อ COVID-19 ทำให้ผู้ต้องหามีความวิตกว่าจะไม่ได้รับความปลอดภัย


ทั้งนี้ ในที่ประชุมกรรมาธิการได้ซักถามถึงปัญหาที่เกิดขึ้น นายภาณุพงศ์ เล่าเหตุการณ์ว่าในวันดังกล่าว ตนเองพร้อมด้วยโตโต้ ปิยรัฐ ,ไผ่ ดาวดิน ได้ถูกย้ายมาจากเรือนจำธนบุรี มายังเรือนจำพิเศษกรุงเทพ ต่อมาราว 3 ทุ่มเศษ มีเจ้าหน้าที่ประมาณ 3 คน มาแจ้งว่าจะนำตนเอง โตโต้ ปิยะรัฐ และ ไผ่ ดาวดิน ออกจากเรือนนอน โดยอ้างว่าเป็นผู้ที่มาจากสถานที่เสี่ยง ทั้งที่เป็นยามวิกาล ทุกคนจึงไม่ยินยอมที่จะออกจากเรือนนอน เพราะห่วงเรื่องความปลอดภัย

นายพริษฐ์ กล่าวว่าในส่วนตนเองถูกคุมขังอยู่ก่อน เนื่องจากเป็นผู้ต้องหาตามมาตรา 112 แต่ถูกแยกมาคุมขังที่แดนของผู้คุมขังที่เป็นนักโทษเด็ดขาด ทั้งที่ตนเองยังเป็นผู้บริสุทธิ์ ซึ่งในเหตุการณ์เจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจโควิดในยามวิกาล ในช่วงที่กลุ่มของไมค์ ภาณุพงศ์ เข้ามาใหม่ ตนได้ถามไปยังเจ้าหน้าที่ตรง ๆ ว่า มีเจตนาต้องการขังแยกใช่หรือไม่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็ยอมรับว่าใช่ เพราะตนทราบอยู่แล้วว่าผิดวิสัยที่จะมาตรวจโควิดในยามวิกาล เหตุใดไม่ตรวจหรือไม่แยกตัวตั้งแต่แรกในช่วงกลางวัน ที่ผู้ต้องขังเข้ามาตอนแรก อีกทั้งยังมีการไล่นักโทษคนอื่น ๆ ออกไปจากห้อง เพื่อพยายามเอาตัวผู้ต้องหาคดีการเมืองออกไป

น.ส.ปนัสยา กล่าวว่ากรณีของตนเอง ถูกเจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์นำตัวไปฝากขังที่เรือนจำ ทั้งที่ศาลยังไม่มีคำสั่งว่าจะให้ประกันตัวหรือไม่ และไม่มีความชัดเจนว่าจะนำใครไปฝากขังที่เรือนจำใดบ้าง และที่น่าสังเกตคือ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ของผู้ต้องขังชายในส่วนของภาณุพงศ์และปิยะรัฐ ไม่เคยเกิดขึ้นในเรือนจำหญิงกลาง มีการตรวจโควิดเฉพาะช่วงกลางวันเท่านั้น และไม่เคยมีการมาแยกตัวในช่วงยามวิกาลใดๆ แต่พบปัญหาการดักฟังระหว่างพูดคุยกับทนายความ ถือเป็นการละเมิดสิทธิการต่อสู้ของผู้ต้องหาอย่างมาก

 

เช่นเดียวกับ นายพริษฐ์ รียกร้องให้กรรมาธิการตรวจสอบด้วย ว่ามีการดักฟังการพูดคุยจริงหรือไม่ เหตุใดรู้ข้อมูลการต่อสู้ก่อนล่วงหน้า สกัดเอกสารในการต่อสู้คดีทั้ง ๆ ที่เป็นสิทธิในการต่อสู้คดีของผู้ต้องหา ถือเป็นความไม่ยุติธรรมอย่างมาก เพราะตนเองต้องต่อสู่คดีอยู่กับรัฐ แต่ถูกรัฐมาละเมิดสิทธิ มาล่วงรู้ข้อมูลในการต่อสู้

ทั้งนี้ ภายหลังการสอบถามข้อเท็จจริง นายธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะโฆษกกรรมาธิการ เปิดเผยว่า การตรวจสอบเรื่องนี้ใกล้เสร็จสิ้นแล้ว เพราะมีการเรียกทั้งฝ่ายราชทัณฑ์และผู้ต้องขังอื่น ๆ มาให้ข้อมูล ซึ่งมีข้อมูลที่สอดคล้องกัน มีความพยายามเข้าตรวจโควิดผู้ต้องขังยามวิกาลหลายช่วง ทั้งช่วง 3 ทุ่ม 5 ทุ่ม จนกระทั้งตี 2 ทั้งที่แดนอื่น ๆ ปกติตรวจโรคกลางวัน อีกทั้งเมื่อผู้ต้องหาปฏิเสธ ก็มีการใช้เจ้าหน้าที่ชุดดำที่แต่งกายทำให้ห่วงว่าจะถูกทำให้เสียชีวิตแบบผู้ต้องขังรายอื่น ๆ จึงรู้สึกไม่ปลอดภัย ซึ่งข้อเท็จจริงค่อนข้างยุติพอสมควร ที่จะชี้ได้ว่าเจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือไม่

นอกจากนี้ ยังมีเรื่องที่ผู้ต้องหาเปิดเผยว่า คุณภาพชีวิตของผู้ต้องขังในเรือนจำย่ำแย่มาก อาหารไม่เหมาะสม จึงเรียกร้องไปยังรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ชี้แจงด้วยว่ามีการทุจริตหรือไม่ นอกจากนี้ผู้ต้องหายังถูกนำตัวไปคุมขังในแดนผู้ต้องขังเด็ดขาดด้วย เป็นการนำคนที่ยังไม่ถูกตัดสินและยังบริสุทธ์ไปทำโทษก่อนล่วงหน้าหรือไม่ ถือเป็นความไม่ยุติธรรมอย่างร้ายแรง อีกทั้งการต่อสู้คดีก็ไม่ได้รับสิทธิโดยสะดวก มีเจ้าหน้าที่แอบฟังข้อมูลในการต่อสู้คดี

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง