วันนี้ (31 พ.ค.2565) เวลา 11.10 น. นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ผู้นำฝ่ายค้าน และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ลุกขึ้นอภิปรายนาน 1 ชั่วโมง ชี้แจงเหตุผลไม่รับหลักการร่างงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2566 วงเงิน 3.185 ล้านล้านบาท โดยหยิบยกปัญหาเศรษฐกิจ จากสถานการณ์จาก COVID-19 ที่เจอมหาวิกฤตครั้งยิ่งใหญ่ที่สุด แต่ตั้งข้อสังเกตว่ารัฐบาลในฐานะผู้จัดทำกฎหมายงบประมาณกลับไร้ศักยภาพในการบริหารจัดการ จึงไม่สามารถที่จะรับประกันร่างกฎหมายฉบับนี้ได้ เพราะหากรับหลักการไปจะถือเป็นการทำลายประเทศ
นพ.ชลน่าน ยังอภิปรายว่า รัฐบาลชุดปัจจุบันสิ้นสภาพ ไม่สามารถบริหารจัดการอะไรได้ ขาดวิสัยทัศน์ที่สำคัญในการจัดการ แต่พยายามเหนี่ยวรั้งสืบทอดต่ออำนาจตัวเอง พร้อมกับถามหลังบริหารประเทศมา 8 ปีเมื่อใดจะคืนความสุขให้กับประชาชน เพราะความล้มเหลวในการบริหารจัดการทำให้ ประชาชนยากจน และทิ้งมรดกร้ายไว้ให้กับประเทศคือ "มรดกหนี้" ซึ่งนายกรัฐมนตรีนำพาประเทศมาถึง. เสื่อมโทรมที่สุด และทางออกของประเทศในขณะนี้คือการเปลี่ยนผู้นำ
"ประเทศอยู่ในภาวะรายได้หด รายจ่ายแพง หนี้สินขยายตัวมากมาย แต่รัฐบาลกลับไม่ใช้โอกาสนี้แก้ปัญหาประเทศ ซึ่งเหตุผลที่ไม่รับร่างงบฯ เพราะเป็นรัฐบาลหมดสภาพ ไม่ตอบโจทย์ และไม่สามารถบริหารจัดการอะไรได้ เป็นการบริหารด้วยวาจา แก้ตัว โยนโทษให้คนอื่น และพยายามสืบทอดอำนาจ"
ขณะเดียวกันชี้ว่า การจัดทำงบประมาณปี 2566 ยังจัดในรูปแบบที่ไม่แยแสต่อสถานการณ์ประเทศโดย ไม่ตอบโจทย์ ไม่ทันสถานการณ์ และส่อไปในทางทุจริต ซึ่งเป็นการจัดงบฯ ที่ประชาชนสิ้นหวัง โดยเฉพาะการจัดทำงบฯ ที่ส่อทุจริต เอื้อประโยชน์ต่อพวกพ้องในส่วนงบฯ กระทรวงคมนาคม ทั้งกรมทางหลวง กรมทางหลวงชนบท ที่เพิ่มสูงขึ้น แต่ซุกซ่อนอยู่ในแผนบูรณาการโลจิสติกส์กว่าอีก 130,000 ล้านบาท โดยตั้งคำถามว่าเป็นการตั้งงบประมาณที่ถูกเรียกค่าไถ่จากพรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่ เป็นสิ่งที่พรรคแกนนำจะต้องจ่ายเป็นผลประโยชน์เพื่อการอยู่ยาวของตัวเองหรือไม่ ถือเป็นการนำภาษีที่ขูดรีดจากประชาชน เพื่อสืบทอดอำนาจหรือไม่
"การจัดงบฯ ฉบับนี้เจอทางตันทุกมิติ เพราะการจัดเก็บรายได้ของรัฐบาลเป็นแบบขาดดุล งบฯ ไม่ตอบโจทย์ประเทศ ไม่จัดลำดับความสำคัญ จนกลายเป็นงบฯ สิ้นหวัง"
นพ.ชลน่าน เชื่อมั่นว่า หากพรรคเพื่อไทยได้จัดงบประมาณฉบับพรรคเพื่อไทยจะสามารถพาประเทศออกจากวิกฤตได้ จึงไม่อาจรับหลักการร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่าย ประจำปี 2566 ที่จัดโดยนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ย้ำรัฐบาลไม่ต้องไปแก้ไขในชั้นกรรมาธิการ แต่ให้ตีตกไป เนื่องจากไม่เกิดประโยชน์ ไม่สามารถแก้วิกฤตและปัญหาของประเทศได้ ก่อนทิ้งท้ายว่าหากฉบับนี้ไม่ผ่านวาระรับหลักการ พล.อ.ประยุทธ์ จะถือเป็นคนที่คืนความสุขให้ประชาชน
ต่อมาเวลา 11.58 น. นายกรัฐมนตรี ลุกขึ้นชี้แจง นพ.ชลน่าน ระบุว่า มีการใช้งบลงทุนลดลงกว่าที่เสนอไว้ในปีงบ 2565 เสนอเข้ามา 624,399 ล้านบาท แต่เมื่อถึงฝ่ายนิติบัญญัติ กมธ.ปรับ 12,466 ล้านบาท เหลือ 611,933 ล้านบาท ร้อยละ 19.4
“ตั้งมาแล้วใครตัด และตัดแล้วไม่ได้เอาไปใช้ในงบกลาง ผมไม่ได้สั่งใช้ได้ ต้องเสนอเข้ามาใน ครม.และทำให้สอดคล้อง ไม่เหมือนกับสมัยก่อน ที่ประกาศว่าไม่เลือกจะไม่ให้งบฯ ส่วนการส่อโกงก็ให้ฟ้องร้องกันไป ให้ไปย้อนดูในกระบวนยุติธรรมใครติดคุก หนีคดีหรือไม่”
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
วันแรก! ถกงบฯ รายจ่ายปี'66 วงเงิน 3.1 ล้านล้านบาท
"วิษณุ" แจงไม่ได้ใส่งบฯ เลือกตั้งไว้ใน พ.ร.บ.งบฯ ปี 66
"สุทิน" ชี้มีโอกาสคว่ำร่าง พ.ร.บ.งบฯ ปี 66