ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

ผบ.ตร.สั่งห้ามบินอากาศยานตำรวจทุกลำ จนกว่าจะตรวจสอบความปลอดภัย

สังคม
25 พ.ค. 68
20:50
126
Logo Thai PBS
ผบ.ตร.สั่งห้ามบินอากาศยานตำรวจทุกลำ จนกว่าจะตรวจสอบความปลอดภัย
ผบ.ตร.สั่งห้ามบินอากาศยานตำรวจทุกลำ จนกว่าจะตรวจสอบความปลอดภัย พร้อมเน้นย้ำให้ทบทวน ตรวจสอบอายุการใช้งาน หากพบอายุการใช้งานมาก และไม่จำเป็นต้องซ่อม สั่งจำหน่ายได้เลย

วันนี้ (25 พ.ค.2568) เวลา 18.30 น. หลังเสร็จสิ้นพิธีสวดพระอภิธรรมศพ ร.ต.อ.ทรงพล บุญชัย นักบิน และ ร.ต.ต.ทินกฤต สุวรรณน้อย ช่างเครื่อง ที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์เฮลิคอปเตอร์ กองบินตำรวจ ตก เมื่อวันที่ 24 พ.ค.ที่ผ่านมา ที่วัดนวลจันทร์ กทม.

พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้สัมภาษณ์ว่า ต้องขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวของผู้เสียชีวิตทั้ง 3 ท่าน ถือเป็นความสูญเสียอย่างใหญ่หลวง โดยนับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม รับผู้เสียชีวิตทั้ง 3 ท่าน ไว้ในพระบรมราชานุเคราะห์ และพระราชทานพวงมาลาหลวง มาในวันนี้

สำหรับเรื่องสวัสดิการการดูแลผู้เสียชีวิตและครอบครัว ประเด็นนี้ตนได้ย้ำไปยัง พล.ต.อ.กรไชย คล้ายคลึง รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่ดูแลเรื่องดังกล่าว ให้ดูแลเรื่องนี้ รวมทั้งการจัดพิธีศพให้สมเกียรติ ขณะเดียวกันจะดำเนินการเรื่องของสิทธิประโยชน์แก่ผู้เสียชีวิตและครอบครัวอย่างเต็มที่ ส่วนเรื่องการพิจารณาปูนบำเหน็จชั้นยศ ได้สั่งการให้ผู้บังคับการกองบินตำรวจ เร่งรัดดำเนินการเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด

ส่วนประเด็นเรื่องของสาเหตุการเกิดเฮลิคอปเตอร์ตกนั้น พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวว่า ตนได้สั่งการให้เร่งตรวจสอบสาเหตุของเหตุเฮลิคอปเตอร์ตกครั้งนี้แล้ว อาจต้องใช้ระยะเวลาสักระยะ เพราะต้องตรวจสอบทุกมิติและรอบคอบ ทั้งเรื่องการบริหารงาน ข้อขัดข้องทางเทคนิคเครื่องยนต์ หรือเป็นเหตุสุดวิสัย

ดังนั้นหากใช้ระยะเวลาสั้น ๆ ในการตรวจสอบ ตนมองว่าเร็วเกินไป อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นยังไม่ทราบสาเหตุที่แท้จริง แต่ตนเชื่อว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น อาจเกิดจากเหตุสุดวิสัยและไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น

ส่วนทำไมในระยะนี้จึงเกิดเหตุโศกนาฏกรรมซ้ำ กับอากาศยานของตำรวจภายในห้วงระยะเวลา 1 เดือน หลังจากเพิ่งเกิดเหตุเครื่องบินของตำรวจตกทะเลที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ เมื่อ 25 เม.ย.ที่ผ่านมา

พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ระบุว่า เป็นสิ่งที่สื่อมวลชนมีสิทธิ์ที่จะคิดเช่นนั้นได้ เพราะในระยะเวลาเพียง 1 เดือนเกิดอุบัติเหตุกับอากาศยานถึง 2 ลำ ซึ่งตนก็ได้สั่งการเช่นเดียวกันว่า ต้องแยกตรวจสอบคนละกรณีกัน โดยเหตุการณ์เครื่องบินตกที่เกิดขึ้นครั้งแรกนั้น ยังอยู่ในระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริง

สำหรับเฮลิคอปเตอร์ลำนี้ ได้รับมอบหมายให้เดินทางไปทำภารกิจที่ จ.สุราษฎร์ธานี และ จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งอยู่ในระหว่างการเสร็จสิ้นภารกิจ และกำลังเดินทางกลับหน่วยกองบินที่ จ.กาญจนบุรี ก่อนมาเกิดเหตุสลดเสียก่อน

ซึ่งเฮลิคอปเตอร์ลำเกิดเหตุนั้น ได้ตรวจสอบซ่อมบำรุงล่าสุดเมื่อวันที่ 13 เม.ย.ที่ผ่านมา โดยเป็นการตรวจสอบตามวงรอบมาตรฐานอากาศยานปกติ ไม่พบสิ่งผิดปกติแต่อย่างใด รวมทั้งที่ผ่านมาเฮลิคอปเตอร์ลำดังกล่าว ไม่เคยซ่อมบำรุงในกรณีพิเศษ นอกจากซ่อมตามวงรอบ

ส่วนกรณีที่ถูกตั้งข้อสังเกต เกี่ยวกับอายุการใช้งานอากาศยานที่ค่อนข้างนาน พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวว่า ถ้ามองเพียงแค่เรื่องปี พ.ศ.นั้น ก็ยอมรับว่านาน โดยเฉพาะรุ่นเบลล์ 212 ที่ใช้ในราชการกองบินตำรวจมานานมากกว่า 40 ปี กว่า 10 ลำ ซึ่งบางลำก็เข้าเกณฑ์ที่เตรียมจะจำหน่ายแล้ว บางลำยังอยู่ในวงรอบการซ่อมบำรุงตามปกติ

ดังนั้น เฮลิคอปเตอร์รุ่นเบลล์ 212 ในกองบินตำรวจ จากเดิมใช้งานได้ 3 ลำ แต่ประสบอุบัติเหตุตกไปเมื่อวานนี้ จึงเหลือใช้งานได้เพียงแค่ 2 ลำ โดยยืนยันว่า ในต่างประเทศเฮลิคอปเตอร์รุ่นนี้ ยังคงใช้งานตามปกติในอายุการใช้งานเดียวกัน และเราก็ตรวจสอบซ่อมบำรุงซ่อมแซมอย่างสม่ำเสมอ นั่นจึงต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงว่า สาเหตุของเฮลิคอปเตอร์ตกเกิดจากอะไรกันแน่

เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ตนได้มีคำสั่งให้อากาศยานกองบินตำรวจทุกลำยุติภารกิจการใช้งานชั่วคราว จนกว่าจะตรวจสอบและสร้างความมั่นใจในความปลอดภัย ของอากาศยานทุกลำ รวมทั้งสั่งการให้กองบินตำรวจ ทบทวนและตรวจสอบอากาศยานทุกลำ ทั้งประสิทธิภาพเครื่องยนต์และอายุการใช้งาน ซึ่งมีทั้งอายุการใช้งานยาวนานและไม่นานมาก

ผบ.ตร.กล่าวด้วยว่า ในวันพุธที่ 28 พ.ค.นี้ ตนจะเดินทางไปยังกองบินตำรวจ เพื่อรับฟังรายงานดังกล่าว และมอบนโยบายกำชับเรื่องงานอากาศยานตำรวจใหม่ ซึ่งเน้นย้ำว่า อากาศยานลำใดที่มีอายุการใช้งานยาวนาน และไม่จำเป็นต้องซ่อมบำรุงแล้ว ก็ให้เตรียมจำหน่ายได้เลย

นอกจากนี้ ตนจะเดินทางไปสร้างขวัญกำลังใจ และความเชื่อมั่นให้กับนักบินว่า อากาศยานตำรวจ ที่ผ่านการตรวจสอบ และตนรับทราบข้อมูลความปลอดภัยแล้ว จะสามารถใช้ได้อย่างปลอดภัยในการปฏิบัติภารกิจ ซึ่งตนก็ยังเชื่อมั่นในฝีมือของนักบินที่มีชั่วโมงบินสูง และในวันเสาร์ที่จะถึงนี้ ตนก็มีภารกิจที่จะต้องบินกับอากาศยานตำรวจด้วย

สำหรับ พ.ต.ต.ประเทือง ชูเลิศ และ ร.ต.อ.ทรงพล บุญชัย 2 นักบินผู้เสียชีวิตนั้น นับเป็นระดับหัวกะทิของกองบินตำรวจ มีชั่วโมงบินที่สูงและเคยปฏิบัติภารกิจในหลายโอกาส ทั้งภารกิจถวายความปลอดภัย ภารกิจกู้ภัย ภารกิจช่วยเหลืองานตำรวจตระเวนชายแดน รวมทั้งภารกิจทั้งด้านการแพทย์

หลังเสร็จสิ้นพิธีสวดพระอภิธรรมศพ กลุ่มนักเรียนเตรียมทหารรุ่น 52 และนักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่น 68 ซึ่งเป็นรุ่นเดียวนักบินผู้เสียชีวิตทั้งสอง ก็ได้มอบเงินช่วยเหลือแก่ครอบครัวของนักบินผู้เสียชีวิต เป็นเงินจำนวน 200,000 บาท ด้วย

อ่านข่าว :

แท็กที่เกี่ยวข้อง:

-
ข่าวที่เกี่ยวข้อง