ครม.โชว์ปลดล็อกปลูกไม้มีค่าค้ำประกัน 136 ล้าน เพิ่มป่า 1 แสนไร่

สิ่งแวดล้อม
13 ธ.ค. 65
17:37
494
Logo Thai PBS
ครม.โชว์ปลดล็อกปลูกไม้มีค่าค้ำประกัน 136 ล้าน เพิ่มป่า 1 แสนไร่
ครม.รับทราบผลงานรัฐบาล “โครงการชุมชนไม้มีค่า” เฟสแรก ใช้ไม้ยืนต้นเป็นหลักประกัน 1.43 แสนต้น ค้ำประกัน 136 ล้านบาท เพิ่มพื้นที่สีเขียวป่าเศรษฐกิจ 1.07 แสนไร่

วันนี้ (13 ธ.ค.2565) น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) รับทราบความคืบหน้าการขับเคลื่อนโครงการชุมชนไม้มีค่า ระยะที่ 1 (พ.ศ.2562-2564) ดังนี้ มีการปลดล็อกกฎหมายและมาตรการที่เกี่ยวข้อง โดยกรมป่าไม้ออกพระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ 8) พ.ศ.2562 แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 7 เพื่อปลดล็อกไม้หวงห้าม จากเดิมที่กำหนดให้ไม้มีค่าทางเศรษฐกิจที่ขึ้นในที่ดินประเภทอื่นที่ไม่ใช่ป่าเป็น “ไม้หวงห้าม”

อ่านข่าวเพิ่ม ชวนปลูก "ไม้มีค่า" ใช้ค้ำประกันเงินกู้ ล่าสุดปล่อยกู้แล้ว 137 ล้านบาท

รวมทั้ง จัดทำระเบียบคณะกรรมการพิจารณาการใช้ประโยชน์ในเขตป่าสงวนแห่งชาติว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขการขออนุญาต และการอนุญาตให้ทำการปลูกสร้างสวนป่า หรือปลูกไม้ยืนต้นในเขตป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2565 และผลักดันการลดภาษีและยกเว้นภาษีสำหรับไม้ ไม้แปรรูปและของทำด้วยไม้

นอกจากนี้มีการเพาะพันธุ์ ขยายพันธุ์กล้าไม้มีค่าทางเศรษฐกิจสูง เช่น เพาะพันธุ์ ขยายพันธุ์กล้าไม้มีค่าทางเศรษฐกิจแจกจ่ายให้ประชาชนทั่วไป 243.8 ล้านกล้าไม้ และได้จัดทำเรือนเพาะชำกล้าไม้ชุมชนใน 730 ชุมชน สามารถผลิตกล้าไม้ได้ชุมชนละ 20,000 กล้าไม้ รวมทั้งสิ้น 14.6 ล้านกล้าไม้

ส่วนวิจัยเพื่อสร้างความเข้มแข็งและยั่งยืน สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ได้สนับสนุนงบประมาณ เพื่อสร้างองค์ความรู้ เทคโนโลยีและนวัตกรรม เช่น ฐานข้อมูลชนิดไม้มีค่าที่เหมาะสมกับสภาพพื้นที่ และแปลงสาธิตการปลูก  

ภาพ:กรมป่าไม้

ภาพ:กรมป่าไม้

ภาพ:กรมป่าไม้

เกษตรกรประกันไม้มีค่ากู้เงิน 136.83 ล้านบาท

น.ส.รัชดา กล่าวอีกว่า ส่วนประเมินมูลค่าการตลาดและแปรรูป อาทิ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) สร้างมูลค่าเพิ่มชุมชนไม้มีค่า 321 ชุมชน มีรายได้จากผลิตภัณฑ์ที่ได้จากต้นไม้และป่าไม้ประมาณ 90 ล้านบาท และได้ปริมาณการกักเก็บคาร์บอน 4.68 แสนตันคาร์บอนไดออกไซด์

รวมทั้งสนับสนุนเกษตรกรในการใช้ต้นไม้เป็นหลักประกัน เบื้องต้นได้สนับสนุนเฉพาะในพื้นที่เอกสารสิทธิ 292 ต้น และให้มูลค่าหลักประกันแก่เกษตรกรที่ใช้ต้นไม้ยื่นกู้คิดเป็นมูลค่า 3.1 ล้านบาท

กรมพัฒนาธุรกิจการค้า มีการจดทะเบียนการนำไม้ยืนต้นมาเป็นหลักประกัน ตั้งแต่วันที่ 16 มี.ค.2562-31 ธ.ค.2564 จำนวน 1.43 แสนต้น จำนวนเงินค้ำประกัน 136.83 ล้านบาท

นอกจากนี้ ความสำเร็จจากการดำเนินโครงการด้านสิ่งแวดล้อม สามารถเพิ่มพื้นที่สีเขียวโดยเฉพาะในส่วนป่าเศรษฐกิจ ประมาณ 1.07 แสนไร่ สร้างความสมดุลของระบบนิเวศจากฐานความหลากทางชีวภาพในพื้นที่สีเขียวนอกเขตอนุรักษ์ และสามารถลดจำนวนก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์

ภาพ:กรมป่าไม้

ภาพ:กรมป่าไม้

ภาพ:กรมป่าไม้

ทั้งนี้ แผนการดำเนินโครงการชุมชนไม้มีค่า ระยะที่ 2 (พ.ศ.2565-2567) คาดว่าจะเกิดชุมชนไม้มีค่าเพิ่มขึ้น 4,969 ชุมชน ประชาชนที่ได้รับผลประโยชน์ 4,650 ครัวเรือน มีต้นไม้เพิ่มขึ้น 60 ล้านต้น และมีพื้นที่ป่าเพิ่มขึ้น 14,040 ไร่

สำหรับโครงการดังกล่าว ครม.มีมติ เมื่อ 18 ก.ย.2561 เห็นชอบการขับเคลื่อนโครงการชุมชนไม้มีค่า มีเป้าหมายระยะ 10 ปี เพื่อประโยชน์แก่ประชาชน 2.6 ล้านครัวเรือน ปลูกไม้มีค่าครัวเรือนละ 400 ต้น ส่งผลให้มีจำนวนต้นไม้ 1,040 ล้านต้น ได้พื้นป่าเพิ่มขึ้น 26 ล้านไร่ เกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจ 1,040 ล้านบาท

สำหรับต้นไม้มีค่า มี 58 ชนิด เช่น สัก พะยูง เต็ง รัง มะขามป้อม จามจุรี สัตบรรณ ตะเคียนทอง นางพญาเสือโคร่ง มะขาม

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง