"ธีรศิลป์" ยิง 2 ประตูพาไทยชนะกัมพูชา 3-1 คว้าแชมป์กลุ่ม A ฟุตบอลอาเซียนคัพ

กีฬา
3 ม.ค. 66
06:19
9,782
Logo Thai PBS
"ธีรศิลป์" ยิง 2 ประตูพาไทยชนะกัมพูชา 3-1 คว้าแชมป์กลุ่ม A ฟุตบอลอาเซียนคัพ
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
"ธีรศิลป์" ยิง 2 ประตูพาไทยชนะกัมพูชา 3-1 คว้าตำแหน่งแชมป์กลุ่ม A ศึกฟุตบอลอาเซียนคัพ

การแข่งขันฟุตบอลอาเซียนคัพ รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม A นัดสุดท้าย ที่สนามมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รังสิต ทีมชาติไทย ที่มี 7 คะแนน โอกาสเข้ารอบสดใส แต่ต้องลุ้นว่าจะจบที่อันดับ 1 หรือ อันดับ 2 พบกับ กัมพูชา ที่มี 6 คะแนน ซึ่งเงื่อนไขเดียวของการสร้างประวัติศาสตร์เข้ารอบรองชนะเลิศเป็นครั้งแรก ต้องชนะทีมชาติไทยให้ได้

เกมนี้ มาโน โพลกิง เฮดโค้ชทีมชาติไทย ใช้ระบบ 4-4-2 โดยวาง กัปตันอุ้ม ธีราทร บุญมาทัน ยืนตำแหน่งมิดฟิลด์ และใช้ อดิศักดิ์ ไกรษร กับ ธีรศิลป์ แดงดา ดาวซัลโวตลอดกาลรายการนี้ที่ 22 ประตู ยืนหน้าคู่

ไฮไลต์สำคัญของเกมนี้ในช่วงครึ่งเวลาแรก อยู่ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ เมื่อ ศศลักษณ์ ไหประโคน ไปโดนแนวรับกัมพูชาทำฟาวล์ในกรอบเขตโทษ ผู้ตัดสินให้เป็นจุดโทษ ก่อนที่ ธีรศิลป์ แดงดา จะยิงเข้าไปให้ทีมชาติไทย ออกนำ 1-0 พร้อมขยับสถิติดาวยิงตลอดกาลในรายการนี้เป็น 23 ประตู

ลงมาเล่นต่อครึ่งหลังนาที 49 ทีมชาติไทย นำห่าง 2-0 สารัช อยู่เย็น จ่ายทะลุช่องให้ สุมัญญา ปุริสาย ที่ลงมาเป็นตัวสำรองหลุดเข้าไปยิงผ่านมือผู้รักษาประตูกัมพูชาเข้าไป

นาที 68 กัมพูชามาไล่ตีตื้น 1-2 จากทักษะความสามารถเฉพาะตัวของ เซียง จันเทียะ แนวรุกตัวเก่งที่ล็อกหลบแนวรับทีมชาติไทย ก่อนจะยิงเข้าประตูไป

แต่นาที 90 ธีรศิลป์ คนเดิมมายิงประตูที่ 2 ของตัวเองในเกมนี้ ช่วยให้ทีมชาติไทย เอาชนะกัมพูชา 3-1 และเป็นประตูที่ 4 ของธีรศิลป์ในอาเซียนคัพครั้งนี้ รวมถึงยังเป็นประตูที่ 24 ของเจ้าตัวตลอดการเล่นรายการนี้ 5 สมัย รั้งตำแหน่งดาวซัลโวตลอดกาล

ทีมชาติไทยเก็บเพิ่มเป็น 10 คะแนน คว้าแชมป์กลุ่มทันที ส่วนอินโดนีเซีย มี 10 คะแนนเท่ากัน เข้ารอบในฐานะรองแชมป์กลุ่ม เนื่องจากประตูได้เสียเป็นรองไทย

หลังเกม มาโน เฮดโค้ชทีมชาติไทย กระตุ้นลูกทีมว่า สิ่งที่ชัดเจนในการป้องกันแชมป์ คือต้องเล่นกันให้ได้ดีกว่านี้ โดยเฉพาะในครึ่งแรกที่เสียบอลเยอะเกินกว่าที่ควรจะเสียรวมถึงครึ่งหลังที่ใช้โอกาสมากเกินไป

นอกจากนี้ มาโน ยอมรับว่า การเป็นแชมป์กลุ่มสำคัญ เพราะจะสร้างความได้เปรียบกับการได้เล่นเกมในบ้านในนัดที่ 2 ต่อหน้าแฟนบอล ส่วนการเจอใครไม่สำคัญ เท่ากับการเตรียมทีมที่ดีของเราเอง

ขณะที่ ธีรศิลป์ ยืนยันว่า สิ่งสำคัญนอกเหนือการทำประตูได้ คือพาทีมคว้าชัยชนะ ซึ่งหลังจากนี้ต้องเร่งฟื้นฟูสภาพร่างกายที่อ่อนล้า ให้กลับมาฟิตสมบูรณ์พร้อมใช้งานในเกมรอบรองชนะเลิศ

ซึ่งการผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศของทีมชาติไทย ทำให้ได้อัดฉีดจาก มาดามแป้ง นวลพรรณ ล่ำซำ ผู้จัดการทีม 5 ล้านบาท เป็นที่เรียบร้อย

สำหรับทีมชาติไทย จะเล่นรอบรองชนะเลิศ นัดแรก ด้วยการไปเยือน ทีมอันดับ 2 ในกลุ่ม B วันที่ 7 ม.ค.นี้ และจะกลับมาเล่นในบ้านวันที่ 10 ม.ค.ต่อไป

ข่าวที่เกี่ยวข้อง