ทัพนักเตะทีมชาติไทยถึงเวียดนาม พร้อมลุยศึกอาเซียนคัพ รอบชิงฯนัดแรก

กีฬา
12 ม.ค. 66
07:30
776
Logo Thai PBS
ทัพนักเตะทีมชาติไทยถึงเวียดนาม พร้อมลุยศึกอาเซียนคัพ รอบชิงฯนัดแรก
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
ทัพนักเตะทีมชาติไทย เดินทางถึงเวียดนามเพื่อเตรียมลงเล่นศึกอาเซียนคัพรอบชิงชนะเลิศนัดแรก โดย "กฤษดา กาแมน" ยอมรับการเยือนเวียดนามเป็นงานที่ยาก แต่สิ่งสำคัญอยู่ที่เรื่องของสมาธิ และความอดทน ขณะเปิดสถิติไทยและเวียดนามมีผลงานขับเคี่ยวกันมาตลอด

วันที่ 11 ม.ค.2566 หลังพลิกสถานการณ์ด้วยการเอาชนะ มาเลเซีย ด้วยประตูรวม 3-1 ผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศไปพบเวียดนาม ล่าสุด โค้ชมาโน โพลกิง ก็ได้นำลูกทีมเดินทางถึงกรุงฮานอย ประเทศเวียดนามแล้วเมื่อคืนที่ผ่านมา เพื่อเตรียมลงแข่งขันอาเซียนคัพ รอบชิงชนะเลิศ นัดแรก พบ เวียดนาม วันที่ 13 ม.ค. นี้ เวลา 19.00 น. โดยสภาพอากาศที่ ฮานอย ค่อนข้างเย็น อุณหภูมิประมาณ

ส่วนอาการบาดเจ็บกล้ามเนื้อต้นขาของ ธีรศิลป์ แดงดา กองหน้าคนสำคัญ ที่ถูกเปลี่ยนตัวออกช่วงพักครึ่งแรกเกมชนะมาเลเซีย แต่ ธีรศิลป์ ก็ยังร่วมเดินทางไปกับทีมด้วย และดูอาการไม่ค่อยน่าเป็นห่วง แต่ทางมาโน และทีมงานก็จะมีการประเมินอาการกันแบบวันต่อวัน แต่หากไม่พร้อมยังมี อดิศักดิ์ ไกรษร ที่เตรียมทำหน้าที่แทน

โดย กฤษดา กาแมน กองหลังคนสำคัญของทีม ยอมรับการเยือนเวียดนามเป็นงานที่ยาก ซึ่งสิ่งสำคัญอยู่ที่เรื่องของสมาธิ และสภาพจิตใจที่ต้องอดทนต่อสิ่งยั่วยุ แต่ก็เชื่อมั่นเพื่อนร่วมทีมว่าจะสามารถรับมือได้

โดยในวันนี้ (12 ม.ค.) ทีมชาติไทย จะมีการแถลงข่าวความพร้อมเกมรอบชิงชนะเลิศ ในเวลา 10.30 น. ที่สมาคมฟุตบอลเวียดนาม และจะมีโปรแกรมลงฝึกซ้อมที่สนามมีดิงห์ ในช่วงเย็น ซึ่งบัตรเข้าชมเกมนี้ ในวันที่ 13 ม.ค. เต็มทุกที่เรียบร้อย ในขณะที่เกม วันที่ 16 ม.ค. ล่าสุดเข้าไปเช็กกับไทยทิคเก็ตเมเจอร์ ที่เมื่อวานนี้เปิดจำหน่ายบัตรให้กับเฉพาะสมาชิก และวันนี้ 10.00 น. ก็จะเปิดให้ บุคคลทั่วไปได้จับจองกัน ปรากฏว่า เหลือว่างเพียงไม่กี่โซนเท่านั้น

แต่ล่าสุดแฟนบอลไทย ก็อาจจะมีข่าวดี หลังนายก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย ได้พาทีมงานสำรวจสนามราชมังคลากีฬาสถาน หลังสมาคมกีฬาฟุตบอลได้ทำหนังสือ ขอให้เร่งปรับปรุงพื้นสนามราชมัง ที่พึ่งผ่านการจัดคอนเสิร์ตของต่างประเทศ เพื่อให้สำหรับทันเกมรอบชิงชนะเลิศนัดที่ 2 ในวันที่ 16 ม.ค.นี้

เนื่องจากตอนนี้ มีแฟนบอลที่ต้องการเข้าชมเกมนัดนี้เป็นจำนวนมาก ซึ่งสนาม ม.ธรรมศาสตร์รังสิต ที่จุได้ 25,000 ที่นั่ง อาจจะไม่เพียงพอ ทำให้สมาคมต้องการเปลี่ยนมาเล่นที่ สนามราชมังคลากีฬาสถาน ที่จุได้เกือบ 60,000 ที่นั่งแทน

โดยผู้ว่า กกท. ก็ยืนยันว่า สภาพสนามตอนนี้ มีความพร้อมเกือบ 90% ที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับทาง เอเอฟเอฟ ที่จะอนุญาตให้ย้ายสนามได้หรือไม่

สถิติบอลไทยเหนือเวียดนาม

ทีมชาติไทย กับ ทีมชาติเวียดนาม ถือเป็น 2 ชาติที่ต่างก็ทำผลงาน ขับเคี่ยวกัน ทั้งในระดับภูมิภาค และ ระดับทวีป แม้ในช่วง 5 ปีหลัง เวียดนาม ที่มี ปาร์ค ฮัง ซอ เฮดโค้ชชาวเกาหลีใต้คุมทีม จะสถาปนาตัวเองขึ้นเป็นทีมอันดับ 1 ของอาเซียน ด้วยอันดับโลกสูงที่สุด ที่ 96 ของโลก ในขณะที่ไทยอยู่ ที่ 111 แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า ผลงานการเจอกันก็มักจะออกมาสูสี ทำให้ยังคงมี ข้อถกเถียง จากแฟนบอลทั้ง 2 ชาติ ว่าใครกันแน่ ที่เป็นเบอร์ 1 อาเซียนตัวจริงมาตลอด

โดย ชัชวลิต คุณสิทธิ์ หรือ โยเล็ก ผู้สื่อข่าวที่คร่ำหวอดในวงการฟุตบอลไทย มองว่า เวียดนาม ในยุค ปาร์ค ฮัง ซอ มีจุดเด่น ในเรื่องของความแข็งแรง และ วินัยในเกมรับ ที่ยังไม่เสียประตูให้กับคู่แข่งในอาเซียนคัพครั้งนี้ ซึ่งถ้าทีมไทย เล่นด้วยฟอร์มแบบนัดชนะมาเลเซีย และ ไม่ประมาทเกมสวนกลับของ เวียดนาม ก็มีสิทธิ์ เก็บแต้มออกมาจาก มีดิงห์ สเตเดียมได้

ถ้ามานับสถิติเฉพาะรายการอาเซียนคัพ ถือเป็นรายการที่ไทย ทำผลงานเหนือเวียดนาม มาตลอด เพราะตั้งแต่เริ่มแข่งขันครั้งแรกปี 1996 ไทยคว้าแชมป์ไปแล้ว 6 สมัย ในขณะที่เวียดนาม พึ่งได้เพียงแค่ 2 สมัย แถมสถิติที่พบกันในรายการนี้ 11 ครั้ง ไทย ชนะได้ถึง 6 ครั้ง เวียดนาม ชนะได้แค่ 2 ครั้ง และเสมอกันไปอีก 3 ครั้ง

โดยครั้งล่าสุด ก็พบกันใน อาเซียนคัพ รอบรองชนะเลิศ ครั้งที่แล้ว ที่สิงคโปร์เป็นเจ้าภาพ ซึ่งก็เป็นไทย ที่ชนะไปด้วยสกอร์รวม 2-0 จากการยิงของ ชนาธิป สรงกระสินธ์ คนเดียวทั้ง 2 ลูก พร้อมผ่านเข้าไปคว้าแชมป์สมัยที่ 6 ได้อย่างยิ่งใหญ่

แต่การพบกัน ในรอบชิงชนะเลิศอาเซียนคัพครั้งนี้ ถือเป็นการ เจอกันอีกครั้งในรอบ 14 ปี หลังจากครั้งล่าสุด ไทย กับ เวียดนาม เจอกันในรอบชิงชนะเลิศปี 2008 และ เป็นเวียดนาม ที่เอาชนะ ไทย ด้วยประตูรวม 3-2 คว้าแชมป์อาเซียนสมัยแรกไปครอง ในขณะที่ไทย หลังจากนั้น กว่าจะได้แชมป์สมัยที่ 4 ต้องรอจนถึงปี 2014 เลยทีเดียว

ข่าวที่เกี่ยวข้อง