ลำไย "เบี้ยวเขียว" ทางรอดชาวสวน

เศรษฐกิจ
19 ก.พ. 66
12:27
1,322
Logo Thai PBS
ลำไย "เบี้ยวเขียว" ทางรอดชาวสวน
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
ความพยายามที่จะส่งเสริมพันธุ์ลำไยให้เป็นที่ต้องการของตลาด ไม่เหลือผลผลิตที่ต้องทิ้งเหมือนพันธุ์ดั้งเดิมอย่าง "ลำไยพันธุ์อีดอ" ถ้าตั้งโจทย์จากทุเรียนเมืองนนท์ที่มีเท่าไหร่ก็ไม่พอขาย วันนี้คำตอบน่าจะเป็น ลำไยพันธุ์เบี้ยวเขียวของชาวจังหวัดลำพูน

เกษตรกรในบ้านป่าเส้า ต.อุโมงค์ อ.เมืองลำพูน จ.ลำพูน ปลูกลำไยพันธุ์เบี้ยวเขียว ซึ่งมีคุณสมบัติเด่นคือ เนื้อหนา แห้งกรอบ เมล็ดเล็ก และขายดีชนิดที่ว่ามีเท่าไหร่ก็ขายหมด

ฤดูลำไยที่เกษตรกรหลายพื้นที่ต้องโค่นต้นทิ้ง เพราะไม่มีคนซื้อ สวนทางกับลำไยพันธุ์นี้ เพราะหน้าสวนก็ขายได้ราคาสูงถึง กก.ละ 80 บ. และยังเป็นลำไยพันธุ์ ที่ได้รับการรับรองเป็นสินค้า GI หรือ สิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ของ จ.ลำพูนด้วย

ปัจจุบันพันธุ์ลำไยที่นิยมปลูกในภาคเหนือ โดยเฉพาะ จ.ลำพูน และ จ.เชียงใหม่ ร้อยละ 90 คือ พันธุ์อีดอ ที่เคยส่งขายให้โรงงานแต่กลายเป็นผลผลิตราคาตกต่ำ ซึ่งปีที่ผ่านมาขายได้เพียง กก.ละ 3-7 บ.เท่านั้น

นายสุทิน ดีอุโมงค์ เกษตรอำเภอเมืองลำพูน กล่าวว่า เพื่อแก้ปัญหาดังกล่าวได้พยายามเข้าไปส่งเสริมให้ปลูกพันธุ์เบี้ยวเขียวให้มากขึ้น เพื่อเป็นทางเลือกแก้ปัญหาเรื่องราคาให้ชาวสวน

ผลผลิตลำไยพันธุ์เบี้ยวเขียว จะออกสู่ตลาดช่วงเดือน ก.ค. - ส.ค. ปัจจุบันยังมีเกษตรกรปลูกน้อย เฉพาะของกลุ่มวิสาหกิจชุมชนอนุรักษ์และผลิตลำไยเบี้ยวเขียวบ้านป่าเส้า จ.ลำพูน ที่มีสมาชิกอยู่ 23 คน ปีนี้ได้ผลผลิตเกือบ 5 ตัน ยังไม่พอขาย ทำให้สมาชิกมีรายได้มั่นคง จึงถือเป็นอีกทางเลือกของชาวสวน

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง