ชาวฟลอริดาตาย ติดเชื้อ "อะมีบากินสมอง" พบใช้น้ำประปาล้างจมูก

ต่างประเทศ
3 มี.ค. 66
18:31
1,233
Logo Thai PBS
ชาวฟลอริดาตาย ติดเชื้อ "อะมีบากินสมอง" พบใช้น้ำประปาล้างจมูก
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานพบชายชาวฟอริดา สหรัฐอเมริกา 1 คนเสียชีวิตหลังติดเชื้อ "อะมีบากินสมอง" เนื่องจากใช้น้ำประปาล้างจมูก ทั้งนี้ CDC รายงานตั้งแต่ 2505-2564 มีเพียง 4 คนจาก 154 ที่รอดชีวิตหลังติดเชื้อนี้

วันนี้ (3 มี.ค.2566) สำนักข่าว CNN รายงานโดยอ้างผลการยืนยัน จาก  Florida Department of Health ใน Charlotte County เผยแพร่เมื่อเดือน ก.พ.นี้ เพื่อแจ้งเตือนประชาชน กรณีพบชายชาวฟลอริดา ประเทศสหรัฐอเมริกา คนหนึ่งเสียชีวิตจากการติดเชื้ออะมีบากินสมอง หลังจากใช้น้ำประปาล้างจมูก ซึ่งเจ้าหน้าที่เร่งสืบสวนสอบสวนทางระบาดวิทยา 

สำนักงานสาธารณสุขของฟลอริดาใน Charlotte County เตือนผู้อยู่อาศัยให้ใช้น้ำกลั่น หรือน้ำที่ผ่านการฆ่าเชื้อเท่านั้น เพื่อล้างไซนัส น้ำประปาควรต้ม และทำให้เย็นลงก่อนที่จะใช้ล้างไซนัส

 พร้อมเตือนว่า น้ำประปาที่ไม่ผ่านการฆ่าเชื้อไม่ปลอดภัยที่จะใช้ล้างจมูก เนื่องจากไม่ได้กรองหรือบำบัดอย่างเพียงพอ และอาจมีจุลินทรีย์ในระดับต่ำ เช่น แบคทีเรียและโปรโตซัว รวมทั้งอะมีบา 

อะมีบากินสมองคืออะไร?

ข้อมูลระบุว่า Naegleria fowleri เป็นอะมีบา สิ่งมีชีวิตเซลล์เดียวที่สามารถพบได้ในดินและน้ำจืดที่อบอุ่น เช่น ทะเลสาบ แม่น้ำ และน้ำพุร้อนทั่วสหรัฐอเมริกา โดยทั่วไปเรียกว่า "อะมีบากินสมอง" อาจทำให้เกิดการติดเชื้อในสมองได้ ซึ่งมักเกิดขึ้นเมื่อน้ำที่มีอะมีบาไหลผ่านจมูก เช่น ขณะว่ายน้ำ

จากข้อมูลของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐอเมริกา (CDC) ในแต่ละปีมีผู้ติดเชื้อประมาณ 3 คนในสหรัฐอเมริกา ซึ่งการติดเชื้อมักเป็นอันตรายถึงชีวิตตั้งแต่ปี 2505-2564 มีเพียง 4 คนจาก 154 คนในสหรัฐอเมริกาที่รอดชีวิตจากการติดเชื้ออะมีบาที่กินสมอง

นอกจากนี้ ตามรายงานของ CDC เมื่อปีที่ 2565 มีเด็กชายคนหนึ่งเสียชีวิตโดยติดเชื้อหลังจากว่ายน้ำที่ทะเลสาบมี้ด โดยติดเชื้อหลังจากว่ายน้ำ และชาวเมืองในรัฐมิสซูรี เสียชีวิต หลังติดเชื้อจากไปเที่ยวชายหาดในไอโอวา

สำหรับอาการ อะมีบากินสมอง คือจะปวดศีรษะรุนแรง มีไข้ คลื่นไส้ อาเจียน และอาจมีอาการคอเคล็ด ชัก ประสาทหลอน และโคมาได้  

ที่มา: CNN 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง