รายงานพิเศษ : แก๊งอาชญากรรมจีนเทา “หมื่นล้าน” ไม่ได้มีเท่าที่เห็น

อาชญากรรม
5 มิ.ย. 66
11:29
1,593
Logo Thai PBS
รายงานพิเศษ : แก๊งอาชญากรรมจีนเทา “หมื่นล้าน” ไม่ได้มีเท่าที่เห็น
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
การปราบปรามกลุ่มจีนสีเทายังคงมีอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่นาย “ตู้ห่าว” ถูกจับดำเนินคดี จนนำไปสู่การขยายผลปราบปรามกลุ่มจีนสีเทา ที่หลบหนีเข้ามาทำธุรกิจผิดกฎหมายในไทยได้เป็นจำนวนมาก

ล่าสุดตำรวจกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) สามารถจับกุมผู้ต้องหาระดับหัวหน้ากลุ่ม ที่มาก่ออาชญากรรมและหลอกคนไทยจำนวนมาก พบความเสียหายกว่า 1 หมื่นล้านบาท

ผู้ต้องหากลุ่มนี้ เป็นกลุ่มที่หลอก “ไฮบริดสแกม” หรือ “หลอกให้รัก” แล้วใช้อุบายโอนเงินไปให้ ตำรวจสืบสวนพบว่า กลุ่มนี้ก็มีคนจีนเป็นหัวหน้าขบวนการ ในรอบปีที่ผ่านมามีผู้เสียหายมากกว่า 2 หมื่นคดี

การชักชวนให้มาร่วมลงทุน จากบุคคลที่ไม่รู้จักในโลกออนไลน์ แม้จะมีการแจ้งเตือนอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ยังมีผู้เสียหายหลงเชื่อโอนเงินไปร่วมลงทุนอยู่จำนวนมาก ปฏิบัติการของตำรวจปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ ตำรวจไซเบอร์ ครั้งล่าสุดพบชาวจีนมาซื้อบ้านอยู่ในหมู่บ้านหรูในไทยเกือบ 20 หลัง ย่าน ถ.ศรีนครินทร์ ราคาหลังละไม่ต่ำกว่า 60 ล้านบาท ที่ให้เครือข่ายมาพักอาศัย

ตำรวจบุกจับแก๊งมาเฟียทุนจีนในหมู่บ้านหรูบ้านศรีนครินทร์

ตำรวจบุกจับแก๊งมาเฟียทุนจีนในหมู่บ้านหรูบ้านศรีนครินทร์

ตำรวจบุกจับแก๊งมาเฟียทุนจีนในหมู่บ้านหรูบ้านศรีนครินทร์

เช้าวันที่ 31 พ.ค.2566 ตำรวจชุดปฏิบัติการพิเศษ นำกำลังเข้าตรวจค้นบ้านพักราคากว่า 67 ล้านบาท ภายในหมู่บ้านหรูย่านศรีนครินทร์ หลังสืบสวนพบว่า เป็นที่พักอาศัยของนายเซาเซียน ซู และนางคียิ ยี สัญชาติจีน ผู้ต้องหาตามหมายจับคดีเป็นส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันฟอกเงิน

ตำรวจบุกจับแก๊งมาเฟียทุนจีนในหมู่บ้านหรูบ้านศรีนครินทร์

ตำรวจบุกจับแก๊งมาเฟียทุนจีนในหมู่บ้านหรูบ้านศรีนครินทร์

ตำรวจบุกจับแก๊งมาเฟียทุนจีนในหมู่บ้านหรูบ้านศรีนครินทร์

ภายในบ้านพบเงินสดกว่า 1 ล้านบาท สินค้าแบรนด์เนมหลายชนิด รถยนต์หรูเกือบ 10 คัน รวมทั้งทรัพย์สินอีกจำนวนมาก และจะมาซื้อบ้านอยู่รวมกันถึง 19 หลัง

เราเข้าไปค้นและรู้ข้อมูลว่า หมู่บ้านนี้มีทั้งหมด 60 หลัง แต่มีการครอบครองโดยบริษัทที่เป็นนอมินีถึง 19 หลัง โดยผู้ถือกรรมสิทธิ์เป็นบริษัทที่จดทะเบียนเป็นคนไทย 2 คน ตรวจสอบอาชีพเบื้องต้นพบว่า ถือครองนิติบุคคล 47 บริษัท อาชีพที่ตรวจสอบเป็นคนขายของชำทั้งสองคนเลย

พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รองผบ.ตร. กล่าว

พฤติการณ์ของผู้ต้องหา จะสร้างโปรไฟล์ปลอมขึ้นมา เพื่อใช้ตีสนิทกับผู้เสียหาย ก่อนจะชวนให้ร่วมลงทุน และไม่ให้ถอนเงิน พร้อมออกอุบายให้ลงทุนเพิ่มอีกจึงจะถอนเงินได้ ก่อนจะปิดบัญชีไป

ส่วนที่มาอยู่รวมกันในหมู่บ้านหรูดังกล่าวมากถึง 19 หลัง พบว่า เป็นคนจีน 22 คน เมียนมา 10 คน กัมพูชา 2 คน คนพื้นที่ราบสูง 1 คน ซึ่งทั้งหมดจะใช้ชีวิตอยู่อย่างสุขสบาย เดินทางเข้าออกประเทศด้วยเครื่องบินเช่าเหมาลำ พร้อมด้วยวีซ่าพิเศษ

สำหรับวีซ่าที่ตรวจพบ เป็นวีซ่านักท่องเที่ยว 41 คน วีซ่าแรงงาน 1 คน วีซ่าพิเศษ (Thailand Elite Visa) 1 คน ที่สามารถเดินทางเข้าออกประเทศไทยอย่างไม่จำกัด วีซ่าบั้นปลายชีวิต 1 คน และวีซ่านักศึกษา 1 คน

พ.ต.ท.ธนธัส กังรวมบุตร สว.กลุ่มงานสนับสนุนทางไซเบอร์ บก.ตอท.บช.สอท. กล่าวว่า ประเทศไทยเหมือนที่รวมพล เป็นที่เสพสุข ถ้าสังเกตข้อมูลคนเหล่านี้ จะพบว่า มีออฟฟิศอยู่ในประเทศเพื่อนบ้านของเรา เปรียบเทียบอย่างนี้ครับ การหลอกลงทุนคือ กิ่งหนึ่งของต้นไม้อาชญากรรมแล้ว Call Center ก็เป็นอีกกิ่งหนึ่ง

ที่เราจับได้วันนี้ เราจับลำต้นได้คือตัดท่อน้ำเลี้ยงที่ กำลังลำเลียงขึ้นไปเลี้ยงต้นไม้นี้อยู่ เพราะฉะนั้นประเทศไทยเป็นจุด Meeting แล้วก็ที่พักอาศัย

ตำรวจสืบสวนพบว่า ผู้ต้องหาทั้งสองคนเป็นระดับหัวหน้าขบวนการแก๊งไฮบริดสแกม ในรอบ 1 ปี พบมีผู้เสียหายกว่า 2 หมื่นคน และได้เงินไปไม่ต่ำกว่า 1 หมื่นล้านบาท เมื่อหลอกเงินจากผู้เสียหายมาแล้ว ก็จะแปลงเป็นเงินสกุลดิจิทัลโอนไปยังต่างประเทศ

การดำเนินคดีกับแก๊งมาเฟียทุนจีน

การดำเนินคดีกับแก๊งมาเฟียทุนจีน

การดำเนินคดีกับแก๊งมาเฟียทุนจีน

และพบคนไทยเคยถูกหลอกลวง เป็นคดีอยู่เบื้องต้น 3 คดี คือ พื้นที่ สน.ศาลาแดง กทม. เสียหายกว่า 8.3 ล้านบาท คดีสภ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เสียหายกว่า 6.6 แสนบาท และสน.โชคชัย กทม. เสียหายกว่า 18.2 ล้านบาท

ผู้ต้องหาทั้งสองคนที่เป็นคนจีนเป็นคนบริหารการเงินทั้งหมด กระเป๋า Wallet ที่เราระงับการทำธุรกรรมมีความเสียหายจากต่างประเทศทั้งสหรัฐอเมริกา อังกฤษ และไทย ส่วนการเอาเงินออกมีเกี่ยวพันทั้งเมียนมา ลาว มาเลเซีย กัมพูชา ฟิลิปปินส์ และดูไบด้วย

พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. กล่าว

ตำรวจเตรียมขยายผลตรวจสอบเครือข่ายของผู้ต้องหากลุ่มนี้ หลังพบเส้นทางการเงินเชื่อมโยงกับกลุ่มอื่นๆ ที่เคยจับได้ก่อนหน้านี้ เบื้องต้นสามารถระงับเงินดิจิทัลในบัญชีได้กว่า 60 ล้านบาท ส่วนเงินหมุนเวียนในบัญชีเพียง 1 บัญชี ของผู้ต้องหาในรอบ 3 เดือนพบมีกว่า 450 ล้านบาท

ปรากฏการณ์กลุ่มจีนสีเทาในไทย ยังคงมีเพิ่มขึ้นอยู่เรื่อยๆ หลังจากที่มีการจับ “นายตู้ห่าว” ไปแล้ว แต่คดีของนายตู้ห่าว การกระทำความผิดอาจจะไม่ซับซ้อนเท่ากับผู้ต้องหากลุ่มนี้ ที่อาศัยเทคโนโลยีเข้ามาจนทำให้เกิดความเสียหายเป็นจำนวนมาก

นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ หนึ่งในผู้ที่เปิดเผยเรื่องทุนจีนสีเทา ก็เห็นว่า คดีที่เกี่ยวข้องกับคนจีนหลังจากนี้จะตรวจจับได้ยากมากขึ้น ซึ่งต่างจากคดีของนายตู่ห่าว ที่เป็นการกระทำผิดอย่างชัดเจน

แต่คดีนี้จะเพิ่มความซับซ้อนเรื่องการติดตามเส้นทางการเงิน และวิธีการหลอกลวงที่ใช้สื่อสังคมออนไลน์มาแทน และเห็นว่า ประเทศไทยยังเอื้อการเข้าออกประเทศให้กับกลุ่มนักท่องเที่ยวจีนมากเกินไป โดยที่ไม่ตรวจสอบกับประเทศต้นทาง ว่ามีประวัติอาชญากรรมหรือไม่ และเห็นว่าหลังจากนี้ไทยอาจจะตกเป็นศูนย์กลางอาชญากรรมของคนจีน

อนาคตถ้าไม่ป้องกันไว้ก่อน ปัญหาทุนจีนสีเทาไม่มีวันจบ เพราะเงินต่างๆ เหล่านี้มหาศาล ตอนนี้ปัญหาคือจีนเทา ไม่ใช่สหรัฐอเมริกา จีนคือปัญหาสังคมที่ยิ่งใหญ่ที่มีปัญหาที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และจีนเทาเหล่านี้จะไม่หยุดยั้ง เพราะมีทุนมหาศาล สนับสนุนโดย “จ้าวเหว่ย”

แก๊งนี้สังเกตได้ว่า มักจะบินไปเชียงราย และจากเชียงราย ก็เข้าไปในที่ “King Roman” แล้วก็กลับมาเชียงราย มากรุงเทพฯ ลักษณะนี้เห็นได้ชัดว่า มีความเชื่อมโยง จะเห็นได้ว่าเงินสีเทาต่างๆ เหล่านี้จะหลั่งไหลเข้ามาประเทศไทย เพราะประเทศไทยทำโดยเปิดเผยไม่ได้ เปิดบ่อนเปิดเผยไม่ได้

สอดคล้องกับนักวิชาการ ที่ศึกษากลุ่มคนจีนที่เข้ามาอยู่ในไทย เห็นว่าการบังคับใช้กฎหมายในบ้านเรายังไม่เข้มแข็งมากนัก ทำให้กลุ่มคนที่อพยพเข้ามาอยู่ในไทย เข้ามาก่อเหตุอาชญากรรมได้ง่าย

นอกจากนั้นยังมีคนไทยร่วมมือด้วย ส่วนการเข้ามาก่อเหตุอาชญากรรมของคนจีน ก็เชื่อว่ายังมีอยู่อีกหลายชนิด ที่ยังรอการสืบสวนของเจ้าหน้าที่

การดำเนินคดีกับแก๊งมาเฟียทุนจีน

การดำเนินคดีกับแก๊งมาเฟียทุนจีน

การดำเนินคดีกับแก๊งมาเฟียทุนจีน

“กรณีของตู้ห่าว เราก็รู้ว่าได้สัญชาติไทย ก็เป็นประเด็นที่ต้องถกเถียงกันว่า ทำไมถึงได้ง่ายอย่างนั้น แต่เมื่อได้มาก็ถือว่าอยู่อย่างถูกกฎหมาย แต่ทำประกอบอาชีพผิดกฎหมาย แต่สิ่งที่น่ากลัวก็คือว่า จากคดีตู้ห่าวทำให้เราเห็นว่ามันไม่ใช่ SMEs ถึงแม้มันเป็นธุรกิจที่ผิดกฎหมาย แต่มันต้องมีอะไรบางอย่างที่ทำให้เครือข่ายของคนเหล่านี้ สามารถซื้อบ้าน หมู่บ้านจัดสรร บ้านเดียวที่มีมูลค่ากว่า 10 ล้านบาทได้ เกือบจะเหมาทั้งหมู่บ้านเลย

เพราะฉะนั้นตรงนี้ต่างหากที่บอกให้เรารู้เป็นนัยๆ ว่า ธุรกิจที่ผิดกฎหมายนี้ คงไม่ใช่เท่าที่เป็นข่าวมันคงจะมีอะไรมากไปกว่านี้ อะไรที่มากไปกว่านี้มันคืออะไร อันนี้เป็นสิ่งที่เรารอการทำงานของตำรวจไทย ว่าจะทำได้มากขนาดไหน” รศ.วรศักดิ์ มหัทธโนบล คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

นั่นหมายความว่า มาเฟียหรือแก๊งอาชญากรรมข้ามชาติ "จีนเทา" ที่เราเห็นและถูกจับกุม อาจจะเป็นเพียงเศษเสี้ยวที่กำลังทำผิดกฎหมายอยู่ในประเทศไทยก็ว่าได้

เบญจพจน์ ทิพย์กมลแสง รายงาน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง