ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

สมศักดิ์ “ลุยไฟ” ปมวีโต้แพทยสภา

การเมือง
14:13
3,985
สมศักดิ์ “ลุยไฟ” ปมวีโต้แพทยสภา
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)

ความจริง นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีสาธารณสุข ในฐานะสภานายกพิเศษ แพทยสภา ลงนามวีโต้มติแพทยสภาเรื่องลงโทษแพทย์ 3 คน ที่เกี่ยวข้องการรักษานายทักษิณ ชินวัตร ชั้น 14 รพ.ตำรวจ ตั้งแต่ต้นสัปดาห์ แต่เล่นล่อเอาเถิดกับสื่อ อ้างยังไม่ได้เปิดดูมติที่กรรมการ 10 คนส่งมาให้บ้าง หรือบอกจะแถลงทีเดียวที่สภาฯ เมื่อวันพฤหัสบดี

ถึงจะหลบอย่างไร วันศุกร์ (30 พ.ค.) นายสมศักดิ์มีคิวต้องชี้แจงเรื่องงบปี 2569 ของกระทรวงสาธารณสุข ที่สภาเป็นทุนเดิมอยู่ก่อนแล้ว ต้องเจอสื่ออยู่ดี และประเด็นสำคัญ คงเป็นการอ้างถึงสิทธิตามกฎหมาย ตาม พ.ร.บ.วิชาชีพเวชกรรม พ.ศ.2525 มาตรา 25 ที่ให้อำนาจไว้

สำหรับการวีโต้ของนายสมศักดิ์ ถูกคาดการณ์ตั้งแต่แรกแล้วว่า สวนทางกับแพทยสภาแน่ ๆ ก่อนที่นายทักษิณ ชินวัตร จะซัดแพทยสภาว่า ขาดจริยธรรมเสียเอง ในการไปปาฐกถาที่ ป.ป.ส.ด้วยซ้ำ

เพราะหนึ่งใน 10 คณะกรรมการ ที่ตั้งเพื่อตรวจสอบมติแพทยสภา คือ ว่าที่ ร.ต.ธนกฤติ จิตรอารีรัตน์ เป็นคนสนิทที่ทำงานกับนายสมศักดิ์มานาน และเป็นคนเดียวใน 10 คน ที่พูดเรื่องบรรยากาศการประชุมกับสื่อ และบอกใบ้ตั้งแต่แรกว่า กรรมการมีความเห็นที่หลากหลาย ทั้งเห็นด้วย ไม่เห็นห้วยกับมติแพทยสภา

หากจะเข้าใจสาเหตุการวีโต้ของนายสมศักดิ์ ต้องย้อนกลับไปดูความสัมพันธ์กับนายทักษิณและคนในตระกูลชินวัตร ตั้งแต่พรรคไทยรักไทย ปี 2544 และรั้งตำแหน่งรัฐมนตรีอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งรัฐมนตรีเกษตรฯ ที่เขายอมรับว่าถนัดที่สุด และเป็นจุดเริ่มต้นของนโยบาย “โคล้านตัว” ที่ไปไม่ถึงฝั่งฝัน

นายสมศักดิ์เป็นคนนำ สส.ในสังกัดกลุ่มวังน้ำยม ไปรวมกับกลุ่มวังบัวบานของเจ๊แดง นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ ในการเลือกตั้งปี 2548 จนกลายเป็นกลุ่มการเมืองที่มี สส.และอำนาจต่อรองในพรรคมากที่สุด แซงหน้าและทำให้กลุ่มวังน้ำเย็นของ “ป๋าเหนาะ” นายเสนาะ เทียนทอง ถูกด้อยค่าลง

กระทั่งเกิดเหตุการณ์ ปี 2549 นายสมศักดิ์ย้ายออกจากพรรคไทยรักไทย ไปตั้งกลุ่มมัชฌิมา ก่อนจะร่วมกับนายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ เสี่ยโรงปูนทีพีไอ ตั้งพรรคมัชฌิมาธิปไตย โดยมีภริยา นางอนงค์วรรณ เทพสุทิน เป็นเลขาธิการพรรค ขณะที่นายสมศักดิ์ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง 5 ปี กรณีเป็นกรรมการบริหารพรรค ทรท. และต่อมา พรรคมัชฌิมาธิปไตย ก็โดนคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรค

ก่อนจะกลับไปอยู่พรรคเพื่อไทย ในการเลือกตั้งปี 2557 ที่เป็นโมฆะ จากนั้นจับมือกับนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ตั้งกลุ่มสามมิตร เข้าร่วมงานกับพรรคพลังประชารัฐ ที่เป็นแรงส่งให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้เป็นนายกฯ ต่อไป

เลือกตั้งปี 2562 ได้เป็นรัฐมนตรียุติธรรม มีการผลักดันกฎหมาย กฎกระทรวง และประกาศกรมราชทัณฑ์ ที่ถูกมองว่า เป็นจุดเริ่มต้นของภารกิจสำคัญพาคนแดนไกลขณะนั้นกลับประเทศ โดยไม่ต้องติดคุกจริง

ก่อนเลือกตั้งปี 2566 ลาออกจากรัฐมนตรีและพรรคพลังประชารัฐ ภารกิจแรกจากนั้น คือบินไปหาใครบางคนแถวดูไบ ก่อนจะมีรายชื่อในรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน แม้จะเริ่มจาก “ขาลอย” เป็นแค่รองนายกฯ แต่ต่อมา ขยับไปเป็นรัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุข

ความสำคัญของนายสมศักดิ์ ได้รับคำชี้แจงจากเจ้าตัวเอง เมื่อครั้งตอบคำถามสื่อกรณีย้ายกลับพรรคเพื่อไทยปี 2566 จะชนะเลือกตั้งได้เป็นรัฐบาลหรือไม่ เขาบอกว่า “ตอบไม่ได้ว่าจะเป็นรัฐบาลหรือไม่ แต่ผมไม่เคยอยู่ฝ่ายค้าน ขณะที่เป็น สส.”

นายสมศักดิ์ เล่นการเมืองมาตั้งแต่ปี 2520 สังกัดพรรคกิจสังคม เป็น สส.สุโขทัย กว่า 10 สมัย เป็นรัฐมนตรีมาแล้ว 15-16 สมัย มากกว่าใครทั้งหมดที่มีอยู่ในปัจจุบัน จนถูกค่อนขอดจากนักวิชาการบางคนว่า “ทิศทางการเมืองจะเป็นอย่างไร ให้ดูจากการตัดสินใจของนายสมศักดิ์”

การตัดสินใจ “ลุยไฟ” ของนายสมศักดิ์ครั้งนี้ เนื่องจากเหตุผลทางการเมืองล้วน ๆ เพราะระดับนี้ รู้กระแสสังคมและจุดยืนของบุคลากรทางการแพทย์ดีว่าสนับสนุนมติแพทยสภา แต่หากไม่เลือกแนวทางนี้ ปฏิเสธไม่ได้ว่า จะมีผลต่อสถานะการเป็นรัฐมนตรีอย่างเลี่ยงไม่พ้น หากพรรคเพื่อไทย เป็นฝ่ายเอาชนะได้ในสถานการณ์การเมืองที่พลิกกลับไปมาขณะนี้

ที่สำคัญย่อมมองทะลุว่า การวีโต้ครั้งนี้ จะส่งผลถึงการประชุมบอร์ดแพทยสภา 12 มิ.ย. และอาจต่อเนื่องถึง 13 มิ.ย.วันศาลฎีกานักการเมืองนัดพร้อมและนัดไต่สวน ปมรักษาตัวชั้น 14

น่าสนใจว่า จากนี้ไปโปรไฟล์การเมืองของนายสมศักดิ์ จะไปต่อหรือเปลี่ยนแปลงอย่างไร

วิเคราะห์ : ประจักษ์ มะวงศ์สา บรรณาธิการอาวุโส

อ่านข่าว :