วันนี้ (31 พ.ค.2568) ศ.นพ.ประกิต วาทีสาธกกิจ ประธานมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ กล่าวว่า เนื่องในวันงดสูบบุหรี่โลก 31 พ.ค. นี้ องค์การอนามัยโลกกำหนดคำขวัญ กระชากหน้ากาก ธุรกิจบุหรี่ บุหรี่ไฟฟ้า : นิโคติน เสพติด จน ตาย ถือเป็นการตอกย้ำข้อเท็จจริงอันตรายของบุหรี่ บุหรี่ไฟฟ้า
จากผลสำรวจพฤติกรรมการบริโภคยาสูบ แบบมีควันของประชากรไทย ปี 2534-2567 พบว่า ไทยสามารถลดอัตราการสูบบุหรี่จาก 32% ในปี 2534 เหลือเพียง 16.5 % ในปี 2567 คิดเป็นอัตราการลดลงสูงถึง 48.4 % โดยเฉพาะในภาคเหนือ มีการสูบบุหรี่ลดลงมากที่สุดถึง 58.3 % ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดี ขณะที่ภาคใต้ลดลง 29.1 % ต่ำที่สุดในทุกภูมิภาค

โดยในกลุ่มประชากรสูบบุหรี่ ที่มีรายได้น้อย 1,043-6,532 บาทต่อเดือน ต้องใช้จ่ายเงินเป็นค่าบุหรี่ซองแต่ละเดือนเฉลี่ย 748 บาท ยาเส้น 127 บาท และบุหรี่ไฟฟ้า 718 บาท เฉพาะกลุ่มคนรายได้น้อยที่สุด มีสัดส่วนค่าบุหรี่สูงถึง 60 % ของรายได้
และยังต้องแบกรับค่าใช้จ่ายอื่นที่จำเป็นต่อครอบครัว ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อสถานะทางการเงินของครัวเรือน สุขภาพ ที่สำคัญคือผลกระทบต่อโอกาสทางการศึกษาของบุตรหลาน
ขณะนี้มูลนิธิฯ ได้พัฒนาระบบการเก็บข้อมูลสถานการณ์การสูบบุหรี่ในพื้นที่ผ่านแอปพลิเคชัน TUM (Tobacco Use Monitor) เป็นเครื่องมือที่ช่วยรวบรวมข้อมูลเชิงพื้นที่อย่างมีประสิทธิภาพ และสามารถนำไปใช้วางแผนพัฒนาการดำเนินงานควบคุมยาสูบในระดับท้องถิ่นได้อย่างตรงจุด และมีแผนสร้างความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับทุกภาคส่วน

โดยเฉพาะการส่งเสริมบทบาทขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ผ่านกลไกร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ เพื่อขับเคลื่อนมาตรการควบคุมยาสูบอย่างเป็นระบบและยั่งยืนในระดับพื้นที่ และทำคู่ขนานกับการรณรงค์สังคม โดยสนับสนุนส่งเสริมความตระหนักรู้เกี่ยวกับอันตรายจากการสูบบุหรี่ในรูปแบบต่าง ๆ
ด้าน ผศ.ดร.ลักขณา เติมศิริกุลชัย ผู้อำนวยการศูนย์พัฒนาศักยภาพกำลังคนด้านการควบคุมยาสูบ และกรรมการบริหารแผน คณะที่ 3 สสส. กล่าวว่า สถานการณ์การใช้บุหรี่ไฟฟ้าในกลุ่มเด็กและเยาวชนไทยมีความรุนแรงขึ้นอย่างน่าห่วง ผลิตภัณฑ์บุหรี่ไฟฟ้าพัฒนาให้มีรูปลักษณ์หลากหลายมากขึ้น มีกลิ่นและรสชาติม ากกว่า 18,000 กลิ่น และราคาถูก เพื่อดึงดูดกลุ่มเป้าหมายโดยเฉพาะเด็กและเยาวชน
ปัจจุบันบุหรี่ไฟฟ้ามีการพัฒนาถึง 5 Gen โดยล่าสุดคือ “ทอยพอด” (Toy Pod) ออกแบบให้มีลักษณะเหมือนของเล่น ตุ๊กตา สมาร์ตวอช ทำให้ยากต่อการสังเกต และ “นิโคตินเพาช์” (Nicotine Pouch) หรือนิโคตินถุง รวมทั้งพอดจมูก หรือบุหรี่ไฟฟ้าในรูปแบบยาดม แม้จะไม่มีควันและไม่มีกลิ่น แต่มีปริมาณนิโคตินสูงกว่าบุหรี่ธรรมดาหลายเท่า

ที่น่ากังวลคือผลกระทบทางสุขภาพที่รุนแรงและเกิดขึ้นเร็ว มีรายงานเด็กปอดรั่ว-ปอดอักเสบจากการสูบบุหรี่ไฟฟ้าในวัยเพียง 12-14 ปี และยังพบเด็กเล็กวัยเพียง 1 ขวบ 7 เดือน ที่สูบบุหรี่และดื่มน้ำกระท่อมภายในครอบครัว เป็นสัญญาณเตือนถึงความจำเป็นในการเพิ่มมาตรการควบคุมและป้องกันการเข้าถึงบุหรี่ไฟฟ้าอย่างเร่งด่วน
ผู้อำนวยการศูนย์พัฒนาศักยภาพกำลังคนด้านการควบคุมยาสูบ กล่าวอีกว่า ศูนย์ฯ มีองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) 76 แห่ง เทศบาล 2,472 แห่ง และองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) กว่า 5,300 แห่งทั่วประเทศ ดังนั้น อปท.จะมีบทบาทสำคัญ ในการขับเคลื่อนนโยบายควบคุมยาสูบอย่างยั่งยืน
ทั้งนี้ทุกๆที่ 31 พ.ค.ของทุกปี ถือเป็น “วันงดสูบบุหรี่โลก” (World No Tobacco Day) ซึ่งเริ่มจัดโดยองค์การอนามัยโลก (WHO) ตั้งแต่ปี 1988 เพื่อกระตุ้นให้ผู้สูบบุหรี่ทั่วโลกเลิกสูบ และสร้างความตระหนักให้กับรัฐบาลและประชาชน ถึงอันตรายของบุหรี่ที่ไม่เพียงส่งผลกับผู้สูบเอง แต่ยังมีผลกระทบต่อผู้ไม่สูบที่ต้องได้รับควันบุหรี่ หรือที่เรียกว่า “ควันบุหรี่จากผู้อื่น”
ข้อมูลจาก WHO ระบุว่า บุหรี่เป็นสาเหตุสำคัญของการเจ็บป่วยและเสียชีวิตก่อนวัยอันควร ซึ่งสามารถป้องกันได้ การสูบบุหรี่ทั่วโลกคร่าชีวิตผู้คนมากกว่า 8 ล้านคนต่อปี และมีผู้ที่ไม่ได้สูบแต่ได้รับควันบุหรี่กว่า 1.2 ล้านคนที่เสียชีวิตในแต่ละปี
ประเทศไทยเองก็มีการรณรงค์อย่างต่อเนื่อง โดยปี 2568 นี้ WHO ตั้งคำขวัญรณรงค์ว่า "กระชากหน้ากากธุรกิจบุหรี่ บุหรี่ไฟฟ้า : นิโคตินเสพติด จน ตาย" เพื่อเตือนใจให้ผู้สูบบุหรี่ตัดสินใจเลิก และสนับสนุนให้รัฐบาลเพิ่มความเข้มงวดทางนโยบาย ควบคุมยาสูบอย่างเข้มข้น
ในแง่กฎหมายประเทศไทยมีมาตรการหลายอย่างที่ตอบรับกับแนวทาง WHO เช่น การแสดงภาพคำเตือนบนซองบุหรี่ซึ่งมีความชัดเจนมากขึ้น และมีข้อบังคับให้ซองบุหรี่แบบเรียบ เพื่อไม่ให้บุหรี่ดูน่าดึงดูด
ทั้งนี้ในปี 2566 ที่ผ่านมา การสำรวจพบว่า อัตราการสูบบุหรี่ของคนไทยลดลงจาก 19.9 % ในปี 2558 เหลือประมาณ 17.9 % ในปี 2566 โดยมีมาตรการเข้มงวดทั้งการขึ้นภาษีบุหรี่และมาตรการห้ามสูบในพื้นที่สาธารณะ
นอกจากคำขวัญแล้ว “วันงดสูบบุหรี่โลก” ยังมีสัญลักษณ์เป็นดอกลีลาวดี (หรือดอกลั่นทม) ซึ่งมีความหมายว่า การ “ละทิ้งความระทม” หรือ “เลิกความทุกข์” เปรียบเสมือนการเลิกสูบบุหรี่เพื่อละทิ้งความเจ็บป่วยและความทุกข์ที่มาจากการสูบบุหรี่
อ่านข่าว:
6 เดือนติดเชื้อ HIV 441 คน อายุ 15-19 ปีน่าห่วงพบป่วยแล้ว 8 คน