ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

นักวิชาการชี้ล่ามแปล "ถ้อยคำ-น้ำเสียง" มีผลเข้าใจคลาดเคลื่อน

การเมือง
19:46
1,038
นักวิชาการชี้ล่ามแปล "ถ้อยคำ-น้ำเสียง" มีผลเข้าใจคลาดเคลื่อน
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
ผู้เชี่ยวชาญด้านภาษา ตั้งข้อสังเกตถึงการแปลของล่ามในคลิปเสียงฉบับเต็ม สาระสำคัญยังอยู่แต่ "คำ" หรือ "น้ำเสียง" ที่หายไปอาจทำให้ผู้ฟังทำความเข้าใจได้ไม่เต็มที่ ขณะที่การพูดของ นายกฯ แพทองธาร บางครั้งพูดไม่เป็นประโยค อาจทำให้ล่าม แปลได้ไม่ครบเช่นกัน

วันนี้ (20 มิ.ย.2568) ผศ.ธิบดี บัวคำศรี คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ตั้งข้อสังเกตถึงการสนทนาระหว่าง นายกฯ แพทองธาร และ สมเด็จ ฮุน เซน โดยเฉพาะเรื่องการเปิด-ปิดด่าน ซึ่งพบว่า "ถ้อยคำสำคัญ" อย่างคำที่สมเด็จ ฮุน เซน พูดตั้งแต่ต้นว่า "ไม่เจรจา" นั้นหายไป

เช่น ช่วงต้นการสนทนา ที่นายกฯ เสนอให้มีข้อตกลงเปิดด่านพร้อมกัน โดยสมเด็จฮุน เซน ตอบทันทีว่า "ไม่" ในนาทีที่ 08.26 และย้ำว่า "ไม่เจรจา เพราะฝ่ายนั้น (หมายถึงไทย) เป็นคนเริ่ม เป็นคนก่อปัญหา" แล้วยังย้ำ ในนาทีที่ 08.42 และไม่กี่วินาทีต่อมาว่า "ไม่เจรจา" แต่ล่าม "เคลียง ฮวด" แปลในนาทีที่ 09.03 ว่า "ท่านไม่อยากเจรจาเรื่องปิดด่าน"

สมเด็จ ฮุน เซน ย้ำอย่างน้อย 3 ครั้ง แต่ล่ามแปลเพียง 1 ครั้ง ซึ่งนักวิชาการมองว่า น้ำเสียงที่สมเด็จ ฮุน เซน ตอบทันทีว่า "ไม่" มีน้ำหนักไม่เท่ากับคำที่ล่ามแปล 

ช่วงท้าย นาทีที่ 11.20 สมเด็จฮุน เซน ยังระบุว่า "เรื่องนี้จะเรียกกัมพูชาไปเจรจาไม่ได้ กัมพูชาไม่เจรจาเด็ดขาด" โดยย้ำและเพิ่มคำว่า "เด็ดขาด" แต่ล่ามกลับแปลว่า "ฉะนั้นให้กัมพูชาไปเจรจาเปิดด่าน ดูแล้วไม่สวย ไม่สมควรอย่างยิ่ง"

ซึ่งน้ำหนักของคำว่า ไม่สวย-ไม่สมควร ทำให้มีน้ำหนักน้อยลง รวมถึงช่วงปิดการสนทนา ที่สมเด็จ ฮุน เซน พูดในนาทีที่ 15.53 ว่า "เรื่องนี้ไม่ต้องมาเจรจา ระหว่างกัมพูชากับไทย" แต่ล่ามใช้คำว่า "เรื่องด่านนี้ เราไม่ควรไปเจรจา"

นักวิชาการชี้ ล่ามแปลปิดโอกาสรับรู้ความคิด "ฮุน เซน"

นักวิชาการ มองว่า การแปลทั้งหมดมีน้ำหนักไม่เท่ากัน สาระสำคัญยังอยู่ แต่ปิดโอกาสที่จะทำให้เห็นถึง "น้ำเสียง" ซึ่งอาจทำให้เข้าใจความรู้สึกนึกคิดของ สมเด็จ ฮุน เซน ได้มากกว่านี้

ในคลิปยังมีคำที่ล่าม เติมเข้าไปโดยที่คู่สนทนาไม่ได้พูด เช่น นาทีที่ 09.36 สมเด็จ ฮุน เซน บอกว่า "ผมเข้าใจและผมก็สงสาร แต่ว่าผมไม่อาจเอาผลประโยชน์ของชาติ ไปแลกกับความเคารพนับถือที่มีต่อกันและกันได้ เพราะว่านี่คือหน้าตาของประเทศกัมพูชา"

แต่ล่าม กลับแปลเริ่มต้นด้วยคำว่า "ท่านเป็นลูกผู้ชายคำไหนคำนั้น" แล้วอธิบายเพิ่มว่า "ท่านเป็นผู้เริ่มต้นก่อน ท่านเปิดก่อน เราะจะเปิดตาม"

การแปลข้างต้นเป็นเพียงส่วนหนึ่ง นักวิชาการ มองว่า การเจรจาอย่างไม่เป็นทางการ เป็นสิ่งที่ผู้นำประเทศทำได้ แต่ควรใช้ล่ามที่เป็นมืออาชีพ ที่แปลแบบคำต่อคำ เพื่อรับรู้ถึง "น้ำเสียง" หรือน้ำหนักคำพูดของคู่สนทนา ขณะที่ผู้พูดเอง ก็ต้องเรียบเรียงถ้อยคำให้ชัดเจน เพื่อป้องกันการสื่อสารคลาดเคลื่อน

"ปณิธาน" จี้รัฐบาลทบทวนระเบียบพิธีการทูต 

รองศาสตราจารย์ ปณิธาน วัฒนายากร อดีตโฆษกประจำตัวนายกรัฐมนตรี สมัยรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ทำหน้าที่ให้คำปรึกษาด้านการเจรจาระหว่างประเทศ กล่าวว่า ปกติการทูตระหว่างประเทศ มีระเบียบปฏิบัติประจำ หรือ SOP ก่อนการเจรจา คณะที่ปรึกษา จะซักซ้อมทำความเข้าใจกับกระทรวงการต่างประเทศ จากนั้น กำหนดระเบียบพิธีทางการทูต

โดยกำหนดชั้นรักษาความลับ ตั้งแต่ลับที่สุด ลับมาก ลับ และปกปิด เมื่อมีการบันทึกการสนทนา หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะติดตามผล เพื่อไม่ให้ความลับรั่วไหล กรณีคลิปเสียงหลุดล่าสุด ทำไมกฎเกณฑ์เหล่านี้ "ถูกละเลย"

รองศาสตราจารย์ ปณิธาน ระบุว่า การใช้ความสัมพันธ์ส่วนตัว อาจช่วยลัดขั้นตอน แต่ใช้เจรจาเรื่องผลประโยชน์ของประเทศไม่ได้ เพราะมีปัจจัยข้อผูกมัด กรณีที่นายกฯ ไทย ใช้ความสัมพันธ์ส่วนตัวคุยกับ สมเด็จ ฮุน เซน ใช้สถานะ "ลุง-หลาน" ซึ่งไม่เท่าเทียมกัน ทำให้เรื่องนี้ "เสียเปรียบ" ตั้งแต่เริ่มต้น

อ่านข่าวเพิ่ม :

สื่อต่างชาติจับตา คลิปเสียงหลุด 2 ผู้นำ ผลักรัฐบาลไทยสู่ขอบเหว

สื่อกัมพูชาฟาดนายกฯ ไทยไร้อำนาจ "ฮุน เซน" โอดเสียดายสัมพันธ์ 30 ปี