เครื่องซักผ้าส่วนรวมในสถานที่สาธารณะ เช่น หอพัก อพาร์ตเมนต์ หรือร้านซักผ้า อาจดูสะดวกและประหยัด แต่ซ่อนไว้ด้วยความเสี่ยงต่อสุขภาพจากเชื้อโรคและสารก่อภูมิแพ้ที่สะสมจากการใช้งานของผู้คนหลากหลาย การปนเปื้อนข้าม (Cross-contamination) จากผ้าสกปรกของผู้ใช้คนก่อนหน้า รวมถึงการทำความสะอาดเครื่องที่ไม่เพียงพอ อาจทำให้เสื้อผ้าที่ซักแล้วยังคงมีเชื้อโรค เช่น E. coli, Staphylococcus aureus หรือ เชื้อรา
ความเสี่ยงจากการใช้เครื่องซักผ้าส่วนรวม
เครื่องซักผ้าส่วนรวมมักถูกใช้งานโดยผู้คนจำนวนมากที่มีระดับสุขอนามัยและการสัมผัสเชื้อโรคแตกต่างกัน ทำให้เกิดความเสี่ยงในการแพร่กระจายเชื้อโรคผ่านผ้าที่ซัก การศึกษาเผยว่า เชื้อแบคทีเรีย เช่น E. coli และ Salmonella ซึ่งก่อให้เกิดอาการท้องเสีย สามารถอยู่รอดบนผ้าได้นานหลายสัปดาห์ ส่วน Staphylococcus aureus ซึ่งทำให้เกิดการติดเชื้อที่ผิวหนัง อาจอยู่ได้นานนับเดือน เชื้อรา เช่น Candida และ ไวรัส เช่น ไข้หวัดใหญ่หรือโคโรนาไวรัส ก็สามารถถ่ายโอนจากผ้าชุดหนึ่งไปยังอีกชุดหนึ่งได้หากเครื่องไม่ได้รับการฆ่าเชื้อ
บริเวณที่ชื้นในเครื่องซักผ้า เช่น ซีลยางประตู, ช่องใส่ผงซักฟอก, และ ท่อภายใน เป็นแหล่งเพาะพันธุ์เชื้อโรค โดยเฉพาะ Klebsiella oxytoca ซึ่งอาจดื้อยาปฏิชีวนะ การซักด้วยน้ำเย็นหรือน้ำอุ่นที่นิยม เพื่อประหยัดพลังงานมักไม่เพียงพอต่อการฆ่าเชื้อ ต้องใช้น้ำร้อนอุณหภูมิ 60 องศาเซลเซียส ขึ้นไป นอกจากนี้ สารตกค้างจากผงซักฟอก น้ำยาปรับผ้านุ่ม หรือสะเก็ดผิวสัตว์เลี้ยงในเครื่องอาจก่อให้เกิดอาการแพ้หรือระคายเคืองผิว

ภาพประกอบข่าว
ภาพประกอบข่าว
"การปนเปื้อนข้าม" ภัยจากผ้าสกปรกของผู้อื่น
การปนเปื้อนข้าม (Cross-contamination) เป็นปัญหาหลักในเครื่องซักผ้าส่วนรวม เมื่อผ้าสกปรกของผู้ใช้คนหนึ่ง เช่น ผ้าอ้อม ผ้าเช็ดอาเจียน หรือเครื่องแบบบุคลากรทางการแพทย์ อาจทิ้งเชื้อโรคไว้ในถังซัก ซีลยาง หรือช่องจ่ายผงซักฟอก หากเครื่องไม่ได้รับการทำความสะอาดอย่างเหมาะสม เชื้อโรคเหล่านี้สามารถถ่ายโอนไปยังผ้าของผู้ใช้ถัดไปได้ การศึกษาในวารสารด้านสาธารณสุขพบว่า เครื่องซักผ้าบางรุ่น โดยเฉพาะในรอบซักเร่งด่วนหรือรอบปกติ อาจไม่สามารถกำจัดเชื้อโรคได้อย่างสมบูรณ์ โดยเฉพาะเชื้อดื้อยาที่พบในเครื่องแบบบุคลากรทางการแพทย์
ความเสี่ยงยิ่งสูงขึ้นในสถานที่ที่มีผู้ใช้หมุนเวียนสูง เช่น ร้านซักผ้าสาธารณะหรือหอพักนักศึกษา ผู้ใช้แต่ละคนอาจนำผ้าที่ปนเปื้อนจากแหล่งต่าง ๆ เช่น อุจจาระ เหงื่อ หรืออาหารดิบ ซึ่งเพิ่มโอกาสในการแพร่เชื้อโรค นอกจากนี้ การที่เครื่องซักผ้าถูกใช้งานต่อเนื่องโดยไม่มีการฆ่าเชื้อระหว่างรอบ อาจทำให้เกิดกลิ่นไม่พึงประสงค์และการสะสมของเชื้อรา ซึ่งเป็นสารก่อภูมิแพ้
ทำไมจึงควรหลีกเลี่ยงเครื่องซักผ้าส่วนรวม
1.ความเสี่ยงจากเชื้อโรคหลากหลาย ผ้าสกปรกจากผู้ใช้หลายคนอาจนำพาเชื้อโรค เช่น E. coli, Staphylococcus aureus, หรือเชื้อรา ซึ่งแพร่กระจายได้ง่ายในสภาพแวดล้อมที่ชื้นของเครื่องซักผ้า
2.การทำความสะอาดไม่เพียงพอ เครื่องซักผ้าส่วนรวมมักไม่ได้รับการทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ ทำให้เกิดการสะสมของเชื้อโรคและสารตกค้างจากผงซักฟอกหรือน้ำยาปรับผ้านุ่ม
3.ความเสี่ยงต่อผู้แพ้ง่าย สารก่อภูมิแพ้ เช่น ไรฝุ่น สะเก็ดผิวสัตว์เลี้ยง หรือละอองเกสร อาจตกค้างในเครื่องและถ่ายโอนไปยังผ้าของผู้ใช้ถัดไป
4.เชื้อดื้อยาปฏิชีวนะ การซักเครื่องแบบบุคลากรทางการแพทย์ในเครื่องส่วนรวมอาจแพร่เชื้อดื้อยา ซึ่งเป็นภัยร้ายต่อสาธารณสุข
5.ขาดการควบคุมสุขอนามัย ผู้ใช้แต่ละคนมีพฤติกรรมสุขอนามัยที่แตกต่างกัน ทำให้ยากต่อการควบคุมความสะอาดของเครื่อง

ภาพประกอบข่าว
ภาพประกอบข่าว
แนวทางป้องกันหากต้องใช้เครื่องซักผ้าส่วนรวม
1.ล้างมือให้สะอาดทุกครั้ง หลังจัดการผ้าสกปรกหรือย้ายผ้าจากเครื่องซักผ้าไปเครื่องอบผ้า เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อ
2.แยกซักผ้าที่มีความเสี่ยง ผ้าที่เปื้อนอาเจียน อุจจาระ ผ้าอ้อม หรือเครื่องแบบบุคลากรทางการแพทย์ ควรซักแยกและใช้ถุงมือขณะจัดการ
3.ใช้รอบน้ำร้อนและสารฟอกขาว ซักด้วยน้ำร้อน (60 องศาเซลเซียส) และใช้สารฟอกขาวสำหรับผ้าขาว หรือไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์สำหรับผ้าสี เพื่อฆ่าเชื้อ
4.ทำความสะอาดเครื่องก่อนใช้ เดินเครื่องเปล่าด้วยน้ำร้อนและน้ำส้มสายชูขาว 2 ถ้วย เพื่อกำจัดสารตกค้างจากผู้ใช้ก่อนหน้า ห้ามผสมน้ำส้มสายชูกับสารฟอกขาว เพราะอาจเกิดควันพิษ
5.เช็ดส่วนประกอบเครื่อง ทำความสะอาดช่องใส่ผงซักฟอก ซีลยาง และตัวกรองหลังใช้งาน เพื่อลดการสะสมของเชื้อราและแบคทีเรีย
6.ใช้รอบล้างพิเศษ เลือกฟังก์ชัน Extra Rinse หรือโหมด "สุขอนามัย" เพื่อกำจัดสารก่อภูมิแพ้และผงซักฟอกตกค้าง
7.อบผ้าให้แห้งสนิท อบผ้าในเครื่องอบผ้า 45 นาที หรือตากแดดเพื่อใช้รังสี UV ฆ่าเชื้อโรค ตรวจสอบถังอบผ้าก่อนใช้เพื่อหลีกเลี่ยงการปนเปื้อน
รักษามารยาทในห้องซักผ้า
- ทำความสะอาดช่องดักใยผ้าและคราบผงซักฟอกหลังใช้งาน
- นำผ้าออกทันทีเมื่อซักเสร็จ เพื่อให้ผู้อื่นใช้เครื่องต่อ
- หลีกเลี่ยงการซักในช่วงเวลาคนเยอะ เช่น วันหยุดสุดสัปดาห์
- อย่าซักผ้าในช่วงดึก เช่น 02.00-05.00 น. เพื่อไม่รบกวนผู้อื่น

ภาพประกอบข่าว
ภาพประกอบข่าว
แต่หากเป็นไปได้ ควรลงทุนในเครื่องซักผ้าสำหรับใช้ในครัวเรือน เพื่อควบคุมความสะอาดและลดความเสี่ยงจากการปนเปื้อน หากต้องใช้ร้านซักผ้าสาธารณะ ให้เลือกร้านที่มีการบำรุงรักษาเครื่องอย่างสม่ำเสมอและมีระบบฆ่าเชื้อ การซักผ้าที่บ้านด้วยน้ำร้อนและการทำความสะอาดเครื่องเป็นประจำจะช่วยลดความเสี่ยงจากเชื้อโรคและสารก่อภูมิแพ้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การใช้เครื่องซักผ้าส่วนรวมอาจเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ในบางสถานการณ์ แต่ความเสี่ยงจากเชื้อโรคและการปนเปื้อนข้ามเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม การพัฒนาเครื่องซักผ้าที่มีเทคโนโลยีฆ่าเชื้อที่มีประสิทธิภาพ เช่น ระบบไอน้ำหรือรังสี UV รวมถึงการให้ความรู้แก่ประชาชนเกี่ยวกับสุขอนามัยในการซักผ้า จะช่วยลดความเสี่ยงต่อสุขภาพในระยะยาว ผู้ใช้ควรตระหนักถึงความสำคัญของการรักษาความสะอาดและปฏิบัติตามแนวทางสุขอนามัย เพื่อปกป้องตนเองและครอบครัวจากภัยเงียบในเครื่องซักผ้าส่วนรวม

ภาพประกอบข่าว
ภาพประกอบข่าว
อ่านข่าวอื่น :