วันนี้ (7 ก.ค.2568) เพจเฟซบุ๊กของกระทรวงการต่างประเทศและความร่วมมือระหว่างประเทศกัมพูชา เผยแพร่แถลงการณ์ 4 ข้อ ชี้แจงประเด็นความขัดแย้งพรมแดนไทย-กัมพูชา และเรื่องบันทึกความเข้าใจ หรือ MOU 2543 หลังกระทรวงการต่างประเทศไทย ออกแถลงการณ์ถึงเรื่องดังกล่าวก่อนหน้านี้ เนื้อหาในแถลงการณ์ระบุว่า กัมพูชายึดมั่นในการยุติความขัดแย้งโดยสันติวิธี ตามกฎหมายระหว่างประเทศมาโดยตลอดทั้งกฎบัตรสหประชาชาติ กฎบัตรอาเซียน รวมถึง MOU 2543
แต่ฝ่ายไทยกลับล้มเหลวที่จะปฏิบัติตาม MOU ฉบับดังกล่าวหลายครั้ง โดยเฉพาะการที่ไทยเลือกใช้แผนที่ฝ่ายเดียวของตนเองเพื่อยืนยันการอ้างสิทธิ์และบุกรุกเข้ามาในดินแดนของกัมพูชาแทนที่จะยึดตามแผนที่ที่สยามและฝรั่งเศสจัดทำร่วมกันตามที่ระบุไว้ในข้อที่ 1 ของ MOU 2543
การที่ไทยละเมิด MOU 2543 เพียงฝ่ายเดียวอย่างต่อเนื่อง ทั้งใช้กำลังทหารมีท่าทีคุกคาม รวมถึงแสดงให้เห็นถึงความไม่เต็มใจที่จะเคารพข้อตกลงการจัดทำหลักเขตแดนร่วมกันทำให้กัมพูชาตัดสินใจยื่นข้อพิพาทให้ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) พิจารณา ซึ่งเป็นองค์กรด้านตุลาการของสหประชาชาติที่มีขึ้นเพื่อยุติความขัดแย้งระหว่างประเทศ
กัมพูชาเรียกร้องให้ไทยกลับมาปฏิบัติตาม MOU 2543 ด้วยความสุจริตใจ ยุติการกระทำต่างๆ เพียงฝ่ายเดียว และมุ่งหน้าสู่การแก้ไขปัญหาโดยสันติวิธี ซึ่งรวมถึงยอมรับกลไกของไอซีเจด้วย
กัมพูชาปัดใช้แฮกเกอร์เกาหลีเหนือ โจมตีหน่วยงานไทย
ขณะที่สำนักข่าวขแมร์ ไทม์ส รายงานว่า กระทรวงไปรษณีย์และโทรคมนาคมกัมพูชา เผยแพร่แถลงการณ์ปฏิเสธกระแสข่าวปลอมตามสื่อสังคมออนไลน์ โดยชี้แจงว่า กัมพูชาไม่เคยใช้แฮกเกอร์ชาวเกาหลีเหนือโจมตีหน่วยงานต่างๆของไทย และยืนยันว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกลุ่มแฮกเกอร์ดังกล่าว ซึ่งข่าวที่เกิดขึ้นถือเป็นความพยายามของไทยที่จะบ่อนทำลายชื่อเสียงของกัมพูชาบนเวทีระหว่างประเทศ
ขณะเดียวกัน กัมพูชากลับพบว่า มีกลุ่มแฮกเกอร์จากไทยที่มีชื่อว่า แบล็คอาย-ไทย พยายามโจมตีทางไซเบอร์ต่อระบบออนไลน์ของรัฐบาลกัมพูชาหลายครั้งตลอดช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา แต่การโจมตีเหล่านี้ถูกขัดขวางและส่งผลกระทบต่อระบบเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
อ่านข่าว : กองปราบประชุมนัดแรก คดีคลิปเสียง "แพทองธาร-ฮุนเซน"