ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

ทบ.ส่งทีมแพทย์ M-MCATT ดูแลกำลังพลชายแดน ประเมินสภาพจิตใจหลังการสู้รบ

สังคม
08:41
173
ทบ.ส่งทีมแพทย์ M-MCATT ดูแลกำลังพลชายแดน ประเมินสภาพจิตใจหลังการสู้รบ
กองทัพบก ส่งทหารเหล่าแพทย์ทีม M-MCATT ดูแลกำลังพลชายแดน ประเมินสภาพจิตใจหลังการสู้รบ ขณะที่กองทัพไทยรายงานสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา กองกำลังทั้ง 2 ฝ่าย ยังคงวางกำลังตามแนวที่มั่นของตนเอง เตรียมพร้อมและติดตามสถานการณ์ใกล้ชิด

เมื่อวันที่ 17 ส.ค.2568 พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก มอบหมายให้กรมแพทย์ทหารบก และโรงพยาบาลทหารในพื้นที่ ส่งทีมช่วยเหลือเยียวยาจิตใจผู้ประสบภาวะวิกฤต หรือ M-MCATT (Military Mental Health Crisis Assessment and Treatment Team) ลงพื้นที่ตรวจสุขภาพร่างกายและประเมินสภาพจิตใจของกำลังพลในฐานปฏิบัติการต่างๆ ตั้งแต่หลังมีข้อตกลงหยุดยิงที่ผ่านมา เพื่อดูแลและคลายความกังวลใจ รวมทั้งประเมินอาการหรือปัจจัยเสี่ยงที่อาจส่งผลกระทบต่อกำลังพล เพื่อให้สามารถแก้ไขและเข้ารับการรักษาได้อย่างทันท่วงที

ทบ. ส่งทหารเหล่าแพทย์ทีม M-MCATT ดูแลกำลังพลที่ปฏิบัติราชการสนามชายแดน

ทบ. ส่งทหารเหล่าแพทย์ทีม M-MCATT ดูแลกำลังพลที่ปฏิบัติราชการสนามชายแดน

ทบ. ส่งทหารเหล่าแพทย์ทีม M-MCATT ดูแลกำลังพลที่ปฏิบัติราชการสนามชายแดน

การดำเนินงานของทีม M-MCATT ถือเป็นหนึ่งในมาตรการดูแลกำลังพลด้านการแพทย์ของกองทัพบก ที่ครอบคลุมใน 3 ระยะหลักของการปฏิบัติการทางทหาร ได้แก่

1. ระยะ Pre-deployment : การเตรียมความพร้อมก่อนลงพื้นที่ ก่อนที่กำลังพลจะเดินทางไปปฏิบัติภารกิจ ทีมสายแพทย์จะเข้ามามีบทบาทสำคัญ เริ่มจากการตรวจคัดกรองสุขภาพ เพื่อให้มั่นใจว่าทุกนายมีความพร้อมทั้งร่างกายและจิตใจ พร้อมทั้งให้ความรู้เกี่ยวกับการป้องกันโรคระบาดและการบาดเจ็บที่อาจเกิดขึ้นจากการปฏิบัติงาน อีกทั้งยังมีการจัดเตรียมเวชภัณฑ์ อุปกรณ์การแพทย์ และชุดปฐมพยาบาลเบื้องต้น เพื่อให้หน่วยสามารถดูแลรักษาเบื้องต้นได้ทันทีเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน

2. ระยะ Deployment : การดูแลระหว่างปฏิบัติภารกิจ หน้าที่ของทหารเหล่าแพทย์ยิ่งทวีความสำคัญ โดยมีการจัดตั้งหน่วยพยาบาลสนามและจุดบริการทางการแพทย์ใกล้พื้นที่ปฏิบัติการ รวมถึงการจัดทีมดูแลสุขภาพจิต (M-MCATT) ที่ทำหน้าที่ค้นหา เฝ้าระวัง และให้การช่วยเหลือกำลังพลที่เผชิญความเครียดหรือมีภาวะเสี่ยงทางจิตใจ มุ่งเน้นทั้งการสังเกตอาการ ประเมินความรุนแรง ให้คำปรึกษาและบำบัดเบื้องต้น ตลอดจนการส่งต่อเพื่อการรักษาที่เหมาะสม

นอกจากนี้ยังมีการตรวจรักษาอาการเจ็บป่วยทั่วไป การเฝ้าระวังโรคระบาด และการจัดระบบส่งกลับผู้บาดเจ็บในกรณีฉุกเฉิน เพื่อให้ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที ลดการสูญเสียกำลังพล อีกทั้งยังมีภารกิจช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ เพื่อสร้างความสัมพันธ์อันดีกับชุมชนและเสริมสร้างความมั่นคงจากภายใน

3. ระยะ Post-deployment : การดูแลหลังเสร็จสิ้นภารกิจ การดูแลกำลังพลยังคงดำเนินต่อ โดยเฉพาะในกรณีที่มีกำลังพลบาดเจ็บหรือสูญเสีย ทีม M-MCATT จะเข้าไปดูแลสภาพจิตใจทั้งผู้ป่วยและครอบครัว พร้อมทั้งมีการตรวจสุขภาพซ้ำเพื่อประเมินผลกระทบจากการอยู่ในพื้นที่เสี่ยง และดำเนินการฟื้นฟูทั้งด้านร่างกายและจิตใจ เพื่อป้องกันภาวะเครียดหรือบาดแผลทางใจจากประสบการณ์ภารกิจที่ผ่านมา

สำหรับการทำงาน ทีม M-MCATT จะลงพื้นที่ประเมินกำลังพลในฐานปฏิบัติการต่างๆ โดยผลการประเมินแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มเขียว (เสี่ยงต่ำ), กลุ่มเหลือง (เสี่ยงปานกลาง) และกลุ่มแดง (เสี่ยงสูง) ซึ่งหากพบกำลังพลอยู่ในกลุ่มแดง ทีมแพทย์จะส่งตัวเข้าสู่กระบวนการรักษาและเยียวยาสภาพจิตใจในทันที เพื่อฟื้นฟูสุขภาพของกำลังพลให้กลับมาปกติโดยเร็ว

ทั้งนี้ กองทัพบกให้ความสำคัญกับการดูแลสภาพจิตใจของกำลังพลทุกระดับ ซึ่งถือเป็นปัจจัยสำคัญต่อความสำเร็จของภารกิจ โดยทีม M-MCATT จะลงพื้นที่อย่างต่อเนื่อง เพื่อดูแลกำลังพลผู้เสียสละในการปกป้องอธิปไตยของชาติ ด้วยความเข้มแข็งรอบด้านอย่างเต็มที่และดีที่สุด

ทบ. ส่งทหารเหล่าแพทย์ทีม M-MCATT ดูแลกำลังพลที่ปฏิบัติราชการสนามชายแดน

ทบ. ส่งทหารเหล่าแพทย์ทีม M-MCATT ดูแลกำลังพลที่ปฏิบัติราชการสนามชายแดน

ทบ. ส่งทหารเหล่าแพทย์ทีม M-MCATT ดูแลกำลังพลที่ปฏิบัติราชการสนามชายแดน

บันทึกเหตุการณ์พิพาท ชายแดนไทย–กัมพูชา 17 สิงหาคม 2568

ด้าน กองบัญชาการกองทัพไทย เปิดเผยว่า ตามรายงานจากศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 ได้สรุปเหตุการณ์บริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา (วันที่ 17 ส.ค.) ระบุ ปัจจุบันกองกำลังทั้ง 2 ฝ่าย ยังคงวางกำลังตามแนวที่มั่นของตนเอง ยังคงเตรียมพร้อมและติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยยึดมั่นตามข้อตกลงของการประชุม GBC ที่ผ่านมา

โฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย เปิดเผยกรณีกำลังพลไทย 5 นายประสบเหตุเหยียบทุ่นระเบิดชายแดน ว่าผลการตรวจพิสูจน์โดยศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ (TMAC) ยืนยันเป็น ทุ่นสังหารบุคคลชนิด PMN-2 ใหม่ทั้งหมด ถูกวางพร้อมใช้งาน มีการถอดอุปกรณ์นิรภัยและพรางไว้อย่างแนบเนียน ไม่ใช่ทุ่นเก่าตามที่กัมพูชากล่าวอ้าง

นอกจากนี้ ในพื้นที่ภูมะเขือยังตรวจพบทุ่น PMN-2 ทั้งที่ยังไม่ถูกใช้งานและที่ถูกวางพร้อมใช้งานแล้ว ซึ่งถือเป็นหลักฐานว่ากัมพูชายังคงครอบครองและลักลอบนำมาใช้จริง อันเป็นการละเมิดอนุสัญญาออตตาวาโดยตรง ทั้งนี้ รายงานอนุสัญญาออตตาวาเมื่อ 31 ธ.ค.2567 ระบุชัดว่ากัมพูชายังคงมีทุ่นสังหารบุคคลกว่า 3,700 ลูก โดยอ้างว่าเพื่อการฝึก การนำมาวางในเขตอธิปไตยไทยจึงเป็นการละเมิดร้ายแรงตามกฎหมายระหว่างประเทศ

กองทัพบกโต้กลับกัมพูชา เพิกเฉยพันธกรณีทุ่นระเบิด ละเมิดหยุดยิง

โฆษกกองทัพบก ตอบโต้กรณี พล.ท.(หญิง) มาลี โสเจียตา โฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชาระบุ การเก็บกู้ทุ่นระเบิดต้องขึ้นกับข้อตกลงหยุดยิงสมบูรณ์ โดยย้ำว่าท่าทีดังกล่าวเท่ากับยอมรับว่า กัมพูชายังคงใช้ทุ่นระเบิดคุกคามฝ่ายไทยจริง ซึ่งสวนทางกับข้อเท็จจริง เพราะหากยังใช้ทุ่นระเบิด ข้อตกลงหยุดยิงก็ไม่อาจสมบูรณ์ได้

กองทัพบกชี้ การเพิกเฉยต่อการปฏิบัติตามอนุสัญญาออตตาวา ขัดแย้งกับบทบาทที่กัมพูชาแสดงบนเวทีนานาชาติ ทั้งที่ได้รับเงินสนับสนุนจากต่างประเทศเพื่อจัดการปัญหาทุ่นระเบิด แต่กลับใช้ทุ่นระเบิดคุกคามฝ่ายไทย ซ้ำยังทำลายภาพลักษณ์กัมพูชาต่อสายตาประชาคมโลกอย่างชัดเจน

โฆษก ทบ.โต้ ผอ.CMAC บิดเบือนข้อเท็จจริงทุ่นระเบิด PMN-2

โฆษกกองทัพบก ชี้แจงกรณี นายเฮง รัตนา ผอ. CMAC อ้างว่าทุ่นระเบิด PMN-2 ที่ไทยนำมาแสดงยังไม่ถูกดึงสลักนิรภัย จึงไม่สามารถใช้งานได้ โดยระบุว่าเป็นการนำเสนอข้อมูลบางส่วนเพื่อสร้างความสับสน โดยย้ำว่า ทุ่นดังกล่าวตรวจพบเมื่อ 4 ส.ค. 68 ที่ภูมะเขือ ซึ่งมีทั้ง ทุ่นที่ยังไม่ได้ติดตั้ง (มีสลักนิรภัย) และ ทุ่นที่ถูกติดตั้งแล้ว (ไม่มีสลัก) โดยทั้งสองลักษณะถูกนำมาแสดงต่อผู้แทนต่างประเทศครบถ้วน(เมื่อ 16 ส.ค.68) มิใช่ตามที่กัมพูชาเลือกนำเสนอเพียงบางภาพเพื่อบิดเบือนความจริง

สรุปสถานการณ์ผู้ได้รับผลกระทบ (ยอดสะสมถึงวันที่ 17 สิงหาคม 2568)

1. พลเรือน เสียชีวิตทางตรง 14 คน บาดเจ็บ 39 คน รวมทั้งสิ้น 53 คน

2. ทหาร เสียชีวิต 17 นาย บาดเจ็บ 269 นาย รวมทั้งสิ้น 286 นาย

อ่านข่าว : กต.ชี้กัมพูชาละเมิดหยุดยิง ไม่รับข้อเสนอเก็บกู้ทุ่นระเบิด

หาคำตอบ ตรวจหา "สารเสพติด" จาก "เลือด-ปัสสาวะ-เส้นผม" ต่างกันอย่างไร

แมนฯ ยูไนเต็ด 0 - 1 อาร์เซนอล เปิดบ้านประเดิมพ่ายนัดแรกฤดูกาล