ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

Negative Income Tax รายได้น้อยก็ต้องยื่น รายได้สูงก็ต้องยืน

เศรษฐกิจ
17:08
85
Negative Income Tax  รายได้น้อยก็ต้องยื่น รายได้สูงก็ต้องยืน

เรียกได้ว่าคนไทยเกือบทั้งประเทศต้องปรับตัวกันอีก โดยเฉพาะคนที่ไม่เคยยื่นภาษีหรือมีฐานรายได้ไม่เข้าเกณฑ์ต้องเสียภาษี หลังจากระทรวงการคลัง ออกมาเผยความคืบหน้าการเชื่อมโยงข้อมูลพัฒนาฐานข้อมูลขนาดใหญ่ (Data Lake) ที่ครอบคลุมคนไทยกว่า 60.8 ล้านคน และ 6 แสนกิจการ

โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อนำไปสู่การพัฒนาระบบเครดิตสกอริ่งของประชาชน Ari Score และยังสนับสนุนการออกแบบนโยบายสวัสดิการในลักษณะ Negative Income Tax (NIT)หรือเรียกง่ายๆว่า “ภาษีเงินได้ติดลบ” ซึ่งรูปแบบภาษีดังกล่าว “ประชาชนทุกคนจะต้องยื่นแบบภาษี” รวมถึง “ผู้ที่อยากรับสวัสดิการของรัฐด้วย” หากมีรายได้ถึงเกณฑ์จะต้องเสียภาษี และหากรายได้ต่ำกว่าเกณฑ์ก็จะได้รับสวัสดิการ โดยกระทรวงการคลังตั้งเป้าหมายให้สามารถเริ่มใช้ได้ปี 2570

ทุกคนต้องเข้าสู่ระบบภาษีเพื่อยืนยันรายได้ หากรายได้ไม่ถึงเกณฑ์ก็รับสวัสดิการ จะทำให้รัฐบาลรู้จักคนไทยมากขึ้น และช่วยให้สามารถกำหนดนโยบายการคลังเชิงรายภูมิภาคได้ มีเป้าหมายลดความเหลื่อมล้ำ กระตุ้นให้คนทำงานและเข้าสู่ระบบภาษี

แน่นอนว่า ทำให้หลายคนงงและตั้งคำถามว่า "ฉันรายได้ไม่ถึงเกณฑ์ ทำไม่ต้องยื่นภาษี ฉันจะถูกเรียกเก็บภาษีจริงๆหรือ หรือป้าข้างบ้าน ตั้งคำถามว่า หากต้องยื่นภาษีจริง ๆ สวัสดิการที่เคยได้ทั้งบัตรคนจน สิทธิของผู้มีรายได้น้อยที่รัฐเคยซัพพอตน์จะยังได้อยู่หรือไม่ และถ้าไม่ยื่นจะได้หรือไม่" เป็นคำถามที่ผู้ที่ไม่เคยต้องยื่นภาษีต่างสงสัยที่ เพราะอย่าลืมว่าคนไทยหลายคนโดยเฉพาะคนในต่างจังหวัดที่มีรายได้ไม่เข้าเกณฑ์และทั้งชีวิตไม่เคยยื่นภาษีอาจจะสร้างความตื่นตระหนกได้

นายศึกษิษฏ์ ศรีจอมขวัญ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เผยว่า การปฏิรูประบบภาษีครั้งนี้ เพื่อเปลี่ยนจาก “ภาษี” ให้กลายเป็น “เครื่องมือสวัสดิการถ้วนหน้า” สำหรับคนไทย เพราะที่ผ่านมาแรงงานไทยกว่า 50% อยู่นอกระบบภาษี ไม่มีสลิปเงินเดือน ไม่ได้ยื่นภาษี และมักตกหล่นจากระบบสวัสดิการของรัฐ

ดังนั้น NIT จะทำให้แรงงานกลุ่มนี้เข้าสู่ระบบภาษี รัฐบาลได้ข้อมูลจริงเพื่อวางแผนประเทศ ลดความซ้ำซ้อนของสวัสดิการ และยังสร้างเครดิตทางการเงินให้ประชาชนใช้ในการซื้อบ้านหรือรถในอนาคต

ที่นี่เรามาทำความรู้จักกับ Negative Income Tax (NIT) ว่าคืออะไร NIT คือ ระบบภาษีที่ให้ประชาชนทุกคนต้องยื่นภาษี แม้มีรายได้น้อยกว่าค่าลดหย่อน เพื่อให้รัฐใช้เป็นข้อมูลรายได้คัดกรองสิทธิ์สวัสดิการอย่างแม่นยำ ผู้มีรายได้ต่ำกว่าเกณฑ์ไม่ต้องเสียภาษีและจะยังได้รับเงินช่วยเหลือจากรัฐแทน ส่วนผู้มีรายได้สูงกว่าเกณฑ์ต้องเสียภาษีตามปกติ

แนวคิดนี้ถูกเสนอครั้งแรกโดย Milton Friedman นักเศรษฐศาสตร์ในสหรัฐอเมริกาในช่วงปี 1960 เพื่อแก้ไขปัญหาการให้สวัสดิการที่ซ้ำซ้อนและไม่ตรงกลุ่มเป้าหมาย การให้เงินช่วยเหลือเป็นเงินสดแทนการแจกสิ่งของหรือบริการเฉพาะอย่าง ตัวอย่าง ต่างประเทศที่ใช้แนวคิดคล้ายกับ NIT เช่น ระบบ Earned Income Tax Credit (EITC) ในสหรัฐฯ แคนาดา และสหราชอาณาจักร

สำหรับประเทศไทย ตามแผนจะเริ่มใช้ปี 2570 โดยทุกคนต้องเข้าสู่ระบบภาษีและยื่นแบบภาษี เพื่อยืนยันรายได้จริงของตนและใช้เป็นฐานข้อมูลจัดสวัสดิการอย่างแม่นยำ ลดความซ้ำซ้อนของโครงการสวัสดิการหลายสิบรายการ และเพิ่มประสิทธิภาพการกระจายสวัสดิการ

การทำงานของระบบ คือ ผู้มีรายได้ต่ำกว่าเกณฑ์ จะได้รับเงินช่วยเหลือตามส่วนต่างระหว่างรายได้จริงกับเกณฑ์ที่กำหนด (ยิ่งรายได้น้อย ยิ่งได้รับมาก) ส่วน ผู้มีรายได้ถึงเกณฑ์หรือสูงกว่า จะต้องเสียภาษีตามปกติ

อย่างไรก็ตามแม้ว่าระบบภาษีใหม่จะช่วยให้รัฐ เก็บข้อมูลของคนไทย ดึงคนแรงงานนอกระบบเข้าสู่ระบบ รัฐสามารถจัดสวัสดิการตรงกลุ่ม ลดการซ้ำซ้อนและเพิ่มประสิทธิภาพงบประมาณ

สรุปง่ายๆสำหรับ ภาษี NIT คือ

• ทุกคนต้องยื่นภาษีแม้รายได้น้อย
• รายได้น้อยไม่เสียภาษี แต่ได้รับเงินช่วยเหลือจากรัฐ
• รายได้ถึงเกณฑ์หรือสูงกว่าต้องเสียภาษีปกติ
• รัฐใช้ข้อมูลรายได้จริงจัดสรรสวัสดิการแม่นยำ ลดซ้ำซ้อน
• เป้าหมายลดความเหลื่อมล้ำ กระตุ้นให้คนทำงานและเข้าสู่ระบบภาษี

เงินเดือนเท่าไหร่? ต้องเสียภาษี

มักจะมีคำถามเกิดขึ้นบ่อยครั้ง ว่า เงินเดือนเท่าไหร่ต้องเสียภาษี ตามระเบียบของสรรพากรได้ระบุว่า ผู้ที่มีรายได้ตามมาตรา 40(1) แห่งประมวลรัษฎากร ได้แก่ เงินได้เนื่องจากการจ้างแรงงาน ไม่ว่าจะเป็นเงินเดือน ค่าจ้าง เบี้ยเลี้ยง โบนัส เบี้ยหวัด บำเหน็จ บำนาญ เงินค่าเช่าบ้าน รวมถึงทรัพย์สิน หรือประโยชน์ใดๆ บรรดาที่ได้เนื่องจากการจ้างแรงงาน หากรวมทั้งหมดไม่เกิน 120,000 บาทต่อปี ไม่จำเป็นต้องยื่นภาษีเงินได้ ดังนั้นหากใครเงินเดือนไม่ถึง 10,000 บาท ก็หมดห่วงเรื่องการยื่นภาษีได้เลย

ยกตัวอย่าง "รายได้ตลอดทั้งปี - ค่าใช้จ่าย – ค่าลดหย่อน = รายได้สุทธิ” รายได้ตลอดทั้งปี คือ เงินเดือนที่ได้รับจากนายจ้าง รวมทั้งโบนัส และอื่น ๆ ตามมาตร 40(1) ส่วนค่าใช้จ่ายจะคิดเป็น 50% ของรายได้ แต่ไม่เกิน 100,000 บาท ค่าลดหย่อนส่วนตัวอีก 60,000 บาท และประกันสังคมอีก 9,000 บาทต่อปี นอกจากนี้เราสามารถใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีอื่น ๆ รวมอยู่ในค่าลดหย่อนได้ตามเงื่อนไข

โดยอัตราภาษีที่คนไทยต้องเสียให้รัฐ คือ อยู่ที่ 5 – 35% คิดเป็นขั้นบันได ดังนี้ รายได้ไม่เกิน 150,000 บาทไม่ต้องเสียภาษี ,รายได้ตั้งแต่ 150,001-300,000 บาท เสียภาษีอัตรา 5% ,รายได้ตั้งแต่ 300,001-500,000 บาท เสียภาษี 10% ,รายได้ตั้งแต่ 500,001-750,000 บาท เสียภาษี 15%

,รายได้ตั้งแต่ 750,001-1,000,000 บาท เสียภาษี 20% ,รายได้ตั้งแต่ 1,000,001-2,000,000 บาท เสียภาษี 25% ,รายได้ตั้งแต่ 2,000,001-5,000,000 บาทเสียภาษี 30 % และรายได้ตั้งแต่ 5,000,001 ขึ้นไป เสียภาษี 35%

จะเห็นว่า ฐานการเสียภาษีของคนไทยถ้ารายได้ไม่เกิน 150,000 บาท ไม่ต้องเสียภาษี ดังนั้น Negative Income Tax (NIT) หรือ ระบบภาษีที่ให้ประชาชนทุกคนต้องยื่นภาษี ถ้ารายได้ไม่เข้าเกณฑ์ ก็ไม่ต้องเสียภาษี แต่ยังต้องยื่นรายได้ที่มีเข้าระบบของกรมสรรพากร ที่จะเริ่มในปี2570 ถึงเวลาที่คนไทยทุกคนจะต้องยื่นภาษี 

 อ่านข่าว:

ภาษีทรัมป์ 19% ข่าวดีระยะสั้น เกียรตินาคินภัทร ชี้ระยะยาวหมดยุคโลกการค้าเสรี

ตลาด coffee โตสวนเศรษฐกิจ "คอกาแฟ" ดื่มทะลุปีละ 180 แก้ว

เงินเฟ้อเดือนก.ค.ลดลงต่อเนื่อง สนค.ชี้ยังไม่เข้าสู่ภาวะเงินฝืด