กลิ่นคั่วกาแฟหอมเตะจมูก ที่คอกาแฟส่วนใหญ่ขาดไม่ได้ในยามเช้า ไม่ได้มีแค่ กลิ่นเดียว แต่ยังมีสารพัดกลิ่นยอดนิยมที่ของแต่ละชนิดและหลากหลายสายพันธุ์ ถิ่นที่ปลูกทำให้เครื่องดื่มประเภทนี้ กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตระหว่างวัน ตามสถิติพบค่าเฉลี่ยในหนึ่งปี คนไทยหนึ่งคนจะดื่มกาแฟถึงปีละ 180 แก้ว
ในปัจจุบันพบว่า การดื่มกาแฟมีปริมาณเพิ่มขึ้นในทุก ๆปี หรือมากกว่า 340 แก้ว/คน/ปี ส่งผลให้มูลค่าการตลาดภายในประเทศปี 2568 แตะระดับ 6.5 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2567 ถึง 8.33% ประกอบกับผู้บริโภคได้เปลี่ยนพฤติกรรมจากการดื่มกาแฟสำเร็จรูปสู่ "กาแฟสด "สะท้อนถึงรสนิยมของคนยุคใหม่ที่ต้องการดื่มด่ำคุณภาพ รสชาติ และประสบการณ์ใหม่ๆ ของกาแฟที่สูงขึ้น
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เผยว่า ธุรกิจกาแฟ ถือว่าเป็นธุรกิจดาวเด่น ส่งผลให้อุตสาหกรรมกาแฟในไทยยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง สอดคล้องกับแนวโน้มตลาดกาแฟโลกในปี 2567 ที่มีมูลค่าในตลาด 2.69 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ และคาดว่าภายในปี 2573 จะมีมูลค่าพุ่งถึง 3.69 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ
ในอุตสาหกรรมกาแฟสามารถแบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มผลิต คือผลิตกาแฟ และการผลิตเครื่องดื่มกาแฟ และ กลุ่มขายส่ง/ปลีก เช่น ขายส่งกาแฟชาโกโก้, ขายปลีก/ส่งเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ และบริการเครื่องดื่มที่ไม่มีแอกอฮอล์เป็นหลักในร้าน
จากข้อมูลดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่า ธุรกิจกาแฟยังคงมีคนสนใจที่เข้ามาแข่งขันในตลาดคาเฟอีน พบว่า มีนิติบุคคลดำเนินกิจการอยู่จำนวน 6,361 ราย แบ่งเป็น กลุ่มผลิต 811 ราย และ กลุ่มขาย 5,550 ราย มูลค่าทุนจดทะเบียนรวม 39,329 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นธุรกิจขนาดเล็ก (S) 6,105 ราย รองลงมาเป็นขนาดกลาง (M) 188 ราย และขนาดใหญ่ 68 ราย
แสดงให้เห็นว่า ช่วงครึ่งปีแรก 2568 (ม.ค.–มิ.ย.) มีการจัดตั้งธุรกิจใหม่ในกลุ่มกาแฟจำนวน 415 ราย เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนถึง 8.92% โดยทั้งหมดเป็นธุรกิจขนาดเล็ก (S) และกว่า 33% ตั้งอยู่ในกรุงเทพฯ สะท้อนความนิยมในตลาดกาแฟที่ยังมีแรงขับเคลื่อนอย่างต่อเนื่อง
หากดูผลประกอบการย้อนหลัง 3 ปี พบว่า รายได้รวมของอุตสาหกรรมอยู่ในระดับทรงตัวและกำไรสุทธิเริ่มลดลง โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ผลิต ซึ่งต้องเผชิญกับความผันผวนของต้นทุนและการแข่งขันที่รุนแรง แต่ปี2567 รายได้รวมของอุตสาหกรรมกาแฟ เพิ่มขึ้น 1.70% หรือ 3,453 ล้านบาท
จากรายได้รวม 206,751 ล้านบาท แบ่งเป็น กลุ่มผลิต 37,217 ล้านบาท และกลุ่มขาย 169,534 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปี 2566 ถือได้ว่า แม้ตลาดคาเฟอีนจะทรงตัว กำไรลดลง แต่ยังมีช่องว่าให้นักลงทุนทั้งรายเล็ก รายน้อย พร้อมที่จะเสี่ยงดวงที่จะเข้ามาลงเล่นในตลาดนี่ตลอดเวลา
หากมองเชิงลึกในรูปแบบธุรกิจร้านกาแฟจะแบ่งได้เป็น 2 ประเภทคือ Franchise/Chains เป็นธุรกิจที่มีเครือข่ายขนาดใหญ่ และเป็นทางเลือกของผู้ที่อยากเปิดร้านกาแฟแต่ยังไม่มีประสบการณ์ และ Independent เป็นธุรกิจที่มีส่วนแบ่งทางการตลาดสูงถึง 94.4% ของธุรกิจกาแฟในประเทศ โดยเป็นการบริหารธุรกิจโดยเจ้าของร้านเองอาจมีสาขาในแบรนด์ประมาณ 1-3 สาขา เช่น Stand Alone, Truck และ Kiosk
นอกจากนี้ยังพบอีกว่า ธุรกิจร้านกาแฟแบบ Franchise/Chain มีความสามารถในการทำกำไรได้ดี โดยมีกำไรสุทธิ (Net Profit Margin) เฉลี่ยที่ 17.5% และมีรายได้เติบโตเฉลี่ยปีละ 10% ส่วนร้านกาแฟแบบ Independent แม้จะมีภาพลักษณ์และคุณภาพโดดเด่น แต่มีอัตรากำไรสุทธิเฉลี่ยที่ 4.6% สะท้อนความท้าทายในการแข่งขันที่มีผู้เล่นในกลุ่มนี้จำนวนมาก การรักษาฐานลูกค้าและการสร้าง Story ให้ธุรกิจจึงเป็นเรื่องสำคัญที่ธุรกิจกลุ่มนี้ต้องใส่ใจ
ทั้งนี้ ธุรกิจกาแฟยังมีโอกาสเติบโตในประเทศไทยอีกมาก โดยเฉพาะในกลุ่มกาแฟพิเศษ หรือ Specialty Coffee และร้านกาแฟที่สร้างประสบการณ์ รวมถึงสร้างแบรนด์ที่แตกต่างได้อย่างชัดเจน
ในขณะที่ผู้ประกอบการจะต้องบริหารจัดการต้นทุนให้ดี ควบคู่ไปกับการเข้าใจพฤติกรรมของผู้บริโภครุ่นใหม่ ที่ให้ความสำคัญกับทั้งคุณภาพ ไลฟ์สไตล์ และความยั่งยืน มากไปกว่านั้นตัวช่วยด้านเทคโนโลยีจะทำให้ลูกค้าเข้าถึงร้านกาแฟได้มากขึ้น คือ ร้านจะต้องมีหลายช่องทางการสั่งซื้อทั้งหน้าร้านหรือเดลิเวอรีหรือการสั่งล่วงหน้าผ่านแอปพลิเคชัน รวมถึงการชำระเงินทางดิจิทัล
จากสถิติปัจจุบันยอดขายของร้านกาแฟมาจากช่องทางเดลิเวอรีถึง 22% และชำระเงินผ่านระบบ e--Payment กว่า 50% ทำให้ร้านสามารถขายกาแฟได้ครอบคลุมลูกค้ามากขึ้น และไม่ได้จำกัดฐานลูกค้าแค่เพียงพื้นที่โดยรอบต่อไปอีกแล้ว กรมฯ จะยังคงติดตามแนวโน้มอุตสาหกรรมกาแฟอย่างใกล้ชิด และพร้อมสนับสนุนผู้ประกอบการไทยให้สามารถยกระดับธุรกิจอย่างยั่งยืนและแข่งขันได้ในตลาดทั้งในและต่างประเทศ
อ่านข่าว:
กุ้งใหญ่ ราคาไม่แรง พณ.ชวนชิมเทศกาลกินกุ้ง ช่วยชาวประมง
“กุ้งก้ามกรามกาฬสินธุ์” สัตว์น้ำเศรษฐกิจ รสชาติดี เนื้อแน่น สินค้าGI ใหม่
คนไทย ขี้เหงา หนุนกระแสสัตว์เลี้ยงโต คาดปี69 ตลาดสัตว์เลี้ยงทะลุแสนล้าน