วันที่ 17 ส.ค.2568 นายพันธ์ทอง ลอยกุลนันท์ ที่ปรึกษาด้านการพัฒนาและบริหารการจัดเก็บภาษี ในฐานะโฆษก กรมศุลกากร เปิดเผยว่า กองสืบสวนและปราบปราม กรมศุลกากร ร่วมกับหน่วยสกัดกั้นยาเสพติดทางท่าอากาศยานนานาชาติ (Airport Interdiction Task Force : ATIF) สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) และกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) วิเคราะห์ข้อมูลการข่าว พบว่ามีผู้โดยสารชาย ชาวออสเตรเลีย อายุ 68 ปี มีความเสี่ยงในการลักลอบนำยาเสพติดให้โทษออกไปนอกราชอาณาจักร
ทั้งนี้ มีกำหนดเดินทางออกจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ประเทศไทย ปลายทางท่าอากาศยานนานาชาติเพิร์ท เมืองเพิร์ท ประเทศออสเตรเลีย เจ้าหน้าที่ชุดตรวจค้นจับกุมจึงนำกระเป๋าสัมภาระของผู้โดยสารผ่านเครื่องเอกซเรย์ พบสิ่งผิดปกติในกระเป๋าเดินทางทรงแข็ง สีดำ
เมื่อตรวจค้นเพิ่มเติมพบวัตถุต้องสงสัยเป็นเกล็ดสีขาว ซุกซ่อนอยู่ภายในช่องลับของกระเป๋าเดินทาง กระเป๋าสะพายข้าง และภายในก้อนสบู่ จำนวน 12 ก้อน เจ้าหน้าที่ฯ จึงใช้ชุดน้ำยาทดสอบ ONCB051 MARQUIS REAGENT พบว่าวัตถุดังกล่าวทำปฏิกิริยากับน้ำยาเคมีและเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล จึงเชื่อได้ว่าเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 1 เมทแอมเฟตามีน (ไอซ์) น้ำหนักรวมสิ่งห่อหุ้มประมาณ 4.26 กิโลกรัม มูลค่าประมาณ 1,276,500 บาท
กรณีนี้เป็นการลักลอบนำยาเสพติดให้โทษประเภท 1 เมทแอมเฟตามีน (ไอซ์) ออกไปนอกราชอาณาจักร และมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 เมทแอมเฟตามีน (ไอซ์) ไว้ในครอบครอง เป็นความผิดตามมาตรา 242 ประกอบมาตรา 252 มาตรา 166 และมาตรา 167 แห่งพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2560 และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง
ทั้งนี้ สถิติปีงบประมาณ 2568 (1 ต.ค.2567 – 14 ส.ค.2568) กรมศุลกากรสามารถจับกุมยาเสพติดประเภทต่าง ๆ เช่น ไอซ์ เฮโรอีน โคเคน และยาบ้า รวมทั้งสิ้น 197 คดี มูลค่ารวมกว่า 1,265 ล้านบาท
อ่านข่าว : วัดพระบาทน้ำพุ แจงตึกรับรองผู้ป่วยร้าง เหตุลิงเข้าทำลายข้าวของ
กองปราบ เตรียมประชุมคณะทำงาน คดี“หมอบี“สัปดาห์นี้ มั่นใจไม่หลบหนี
แท็กที่เกี่ยวข้อง: