ในรายการตอบโจทย์เมื่อวันที่ 25 ส.ค.2568 ทางไทยพีบีเอส เปิดประเด็นการสืบสวนเรื่องราวของ "พระอลงกต" ที่เป็นผลจากการเก็บรวบรวมข้อมูลของทีมข่าว 3 มิติ มาอย่างต่อเนื่องถึง 6-10 ปี
"อลงกรณ์ เหมือนดาว" บรรณาธิการข่าว 3 มิติ ระบุว่าในช่วงที่ศรัทธาของผู้คนยังคงแข็งแกร่ง ทีมงานตัดสินใจที่จะยังไม่เผยแพร่ข้อมูลที่แม้จะจริงแต่ยังไม่สมบูรณ์ เพราะเกรงว่าข้อมูลนั้นจะถูกมองว่าเป็นเท็จและพ่ายแพ้ต่อศรัทธาที่แข็งแกร่ง จนกระทั่งเมื่อกระแสข่าวเริ่มก่อตัวและประเด็นความสงสัยในหลายเรื่องเริ่มปรากฏขึ้น ทีมข่าวจึงตัดสินใจนำข้อมูลที่เก็บสะสมไว้มาตรวจสอบอย่างละเอียด

อลงกรณ์ เหมือนดาว บรรณาธิการข่าว 3 มิติ
อลงกรณ์ เหมือนดาว บรรณาธิการข่าว 3 มิติ
ประวัติปลอม การศึกษาลวงตา และ พิรุธเลข 13 หลัก
จุดเริ่มต้นของเงื่อนงำคือข้อสังเกตเรื่องการใช้ชื่อที่แตกต่างกันในช่วงเวลาต่าง ๆ และที่สำคัญคือ เลข 13 หลักบนใบสุทธิของพระอลงกต ซึ่งเมื่อตรวจสอบกลับพบว่าเป็นของบุคคลที่เสียชีวิตไปแล้ว อลงกรณ์ เผยว่าข้อมูลภายนอกที่เคยปรากฏ เช่น การจบการศึกษาจากโรงเรียนเทพศิรินทร์ หรือมหาวิทยาลัยเกษตร รวมถึงการไปเรียนต่อต่างประเทศที่ออสเตรเลีย หรือแม้กระทั่งการเป็นนักฟุตบอลนั้น ก็ล้วนแต่ไม่เป็นความจริง
การตรวจสอบเพิ่มเติมยังพบว่าบิดาที่ปรากฏชื่อในเอกสารคือ "นายเสริมวิทย์" ซึ่ง มนตรี อุดมพงษ์ ผู้ช่วยบรรณาธิการข่าว 3 มิติ ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบกับนายเสริมวิทย์ตัวจริงที่ จ.มหาสารคาม นายเสริมวิทย์ยืนยันว่าตนมีบุตรชายเพียง 3 คน ไม่มีใครเป็นพระสงฆ์ และบุตรชายที่ชื่ออลงกตนั้นเป็นข้าราชการกรมชลประทานและได้เสียชีวิตไปแล้ว
สิ่งนี้ตอกย้ำว่าพระอลงกตได้นำหมายเลขบัตรประชาชน 13 หลักและข้อมูลส่วนตัวของผู้อื่นมาใช้สวมรอย แม้กระทั่งครอบครัวของผู้วายชนม์ก็ไม่เคยทราบเรื่องนี้จนกระทั่งมีบิลค่าบริการ AIS มาเก็บในชื่อ "พระภิกษุอลงกต พลสุข" ซึ่งทำให้เกิดความสงสัยและร้องเรียนให้มีการตรวจสอบ

มนตรี อุดมพงษ์ ผู้ช่วยบรรณาธิการข่าว 3 มิติ
มนตรี อุดมพงษ์ ผู้ช่วยบรรณาธิการข่าว 3 มิติ
ข้อมูลย้อนแย้งในบันทึกการบวช วัดลำนารายณ์
ปัญญา นันกระโทก ผู้สื่อข่าว 3 มิติ ได้เดินทางไปยังวัดลำนารายณ์ จ.ลพบุรี และได้พูดคุยกับหลวงพ่อทองใบ เจ้าอาวาส ซึ่งเป็นผู้บวชให้พระอลงกต หลวงพ่อทองใบยืนยันว่าเป็นผู้บวชให้พระอลงกตจริง และในขณะนั้น พระอลงกตได้กล่าวอ้างว่าตนเองสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโทจากต่างประเทศ
อย่างไรก็ตาม เมื่อตรวจสอบสมุดทะเบียนการบวช หรือ "สมุดสุทธิวิหาริก" ที่วัดลำนารายณ์ พบข้อสังเกตสำคัญหลายประการ เช่น
- ไม่ปรากฏเลขประจำตัวประชาชน 13 หลัก เนื่องจากในยุคก่อนวันที่ 1 มี.ค.2529 ยังไม่มีข้อบังคับให้ลงเลขดังกล่าว
- ชื่อบิดาที่ระบุในสมุดคือ "เสริมวิทย์" ซึ่งตรงกับข้อมูลที่ทีมข่าวตรวจสอบ
- แต่ชื่อมารดาคือ "วิไลภรณ์" ซึ่งแตกต่างจากชื่อมารดาของบุคคลที่ถูกสวมรอยซึ่งคือ "วิไลวรรณ"
- นอกจากนี้ วันเกิดที่ระบุในสมุดทะเบียนก็ไม่ตรงกับที่ปรากฏในใบสุทธิ
- ทีมข่าวยังตั้งข้อสังเกตว่า ลายมือที่เขียนในสมุดทะเบียนและในใบสุทธิมีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน
- ที่น่าตกใจยิ่งกว่าคือ อดีตพระเลขาฯ ของวัดลำนารายณ์เปิดเผยว่าเมื่อช่วงกลางปีที่แล้ว มีบุคคลจากวัดพระบาทน้ำพุมาขอทำสมุดทะเบียนเล่มใหม่ โดยอ้างว่าสมุดเล่มเก่าหายไป ซึ่งอาจเป็นการพยายามแก้ไขข้อมูลย้อนหลัง

ปัญญา นันกระโทก ผู้สื่อข่าว 3 มิติ
ปัญญา นันกระโทก ผู้สื่อข่าว 3 มิติ
ปริศนา 6 ปีที่ "เกรียงไกร เพ็ชร์แก้ว" หายไป
ข้อมูลสืบสวนระบุว่าชื่อเดิมของพระอลงกตคือ "เกรียงไกร เพ็ชร์แก้ว" ซึ่งเกิดที่ จ.ขอนแก่น และเรียนหนังสือ รวมถึงเป็นนักฟุตบอลเยาวชนของจังหวัดจนถึงปี พ.ศ.2523 หลังจากปี พ.ศ.2523 เกรียงไกร เพ็ชร์แก้ว ได้หายไปจากฐานข้อมูลอย่างเป็นปริศนา และกลับมาปรากฏตัวอีกครั้งเมื่อบวชในปี พ.ศ.2529 โดยใช้ชื่อ "อลงกต"
ช่วงเวลา 6 ปี (พ.ศ. 2523-2529) ที่หายไปนี้ ถือเป็นช่องโหว่สำคัญที่ยังไม่มีคำตอบว่านายเกรียงไกรไปอยู่ที่ไหน หรือทำอะไร
แม้ว่าพระอลงกตจะมีเลขบัตรประชาชน 13 หลักเป็นของตนเองตั้งแต่ปี พ.ศ.2527 (2 ปีก่อนบวช) แต่เจ้าตัวกลับเลือกที่จะใช้เลข 13 หลักของผู้อื่น นอกจากนี้ยังมีการทำบัตรพระ (ใบสุทธิ) ถึง 2 ครั้ง คือในปี พ.ศ.2552 (วันที่ 2 มี.ค. และ 18 มี.ค.) และยังคงใช้เลข 13 หลักของบุคคลที่เสียชีวิตอยู่ แม้ว่าขณะนั้นพระอลงกตจะมีเลขบัตรประชาชนของตนเองแล้ว
ทีมข่าวเชื่อว่าการกระทำนี้เกิดจากการที่พระอลงกตได้ทำธุรกรรมต่าง ๆ เช่น การโอนที่ดิน หรือการทำธุรกรรมทางการเงินกับธนาคาร โดยใช้ข้อมูลที่ไม่ถูกต้องนี้ไปแล้วเป็นจำนวนมาก ทำให้ยากที่จะเปลี่ยนแปลง อลงกรณ์ บรรณาธิการข่าว 3 มิติ เชื่อว่านี่คือความตั้งใจที่จะพรางตัวตนหรือปกปิดประวัติอย่างจงใจ

ทีมข่าว 3 มิติ
ทีมข่าว 3 มิติ
เร่งรัดหน่วยงานรัฐตรวจสอบ รักษาศรัทธา-หลักนิติธรรม
ทีมข่าว 3 มิติ เรียกร้องให้หน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง อาทิ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ, กรมการปกครอง, สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ, กรมที่ดิน และธนาคาร เร่งดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างโปร่งใสและเป็นธรรม การตรวจสอบในกรณีนี้ดูเหมือนจะมีความล่าช้าอย่างมาก เมื่อเทียบกับกรณีพระรูปอื่นที่มักจะถูกตรวจสอบและพบหลักฐานภายในไม่กี่วัน
สื่อมวลชนได้ทำหน้าที่เปิดเผยข้อมูลและหลักฐานให้สาธารณชนรับทราบแล้ว หน้าที่ต่อไปคือการที่หน่วยงานรัฐจะต้องเข้ามาสืบสวนและนำความจริงมาสู่สังคม เพื่อรักษาศรัทธาและหลักนิติธรรมของประเทศ
อ่านข่าวอื่น :