วันนี้ (9 ก.ย.2568) CNN รายงาน นายเค.พี.ชาร์มา โอลี นายกฯ เนปาล ประกาศลาออกผ่านจดหมาย หลังการประท้วงรุนแรงของกลุ่มเยาวชน Gen Z ช่วงอายุ 13-28 ปี ออกมาประท้วงใหญ่ คัดค้านการแบนโซเชียลมีเดีย คอร์รัปชันที่ฝังรากมานาน และโอกาสงานที่หายาก สุดท้ายมีคนเสียชีวิตอย่างน้อย 19 ราย บาดเจ็บอีกกว่า 400 คน ตามที่รอยเตอร์รายงาน
การประท้วงเริ่มต้นเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว หลังรัฐบาลเนปาลออกกฎใหม่ให้แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย เช่น เฟซบุ๊ก อินสตาแกรม วอทส์แอปป์ ยูทูบ และเอ็กซ์ ต้องลงทะเบียนกับทางการ มิฉะนั้นจะถูกแบน โดยเมื่อคืนวันที่ 4 ก.ย.ที่ผ่านมา 26 แพลตฟอร์มถูกปิดกั้น สร้างความไม่พอใจอย่างมาก กลุ่มสิทธิมนุษยชนวิจารณ์ว่านโยบายนี้เป็นการจำกัดเสรีภาพการแสดงออก
การประท้วงทวีความรุนแรงขึ้นในวันจันทร์ (8 ก.ย.) โดยผู้ประท้วงบุกอาคารรัฐสภาในกรุงกาฐมาณฑุ เผารถพยาบาล และขว้างปาสิ่งของใส่ตำรวจปราบจลาจล ตำรวจตอบโต้ด้วยกระสุนยาง แก๊สน้ำตา และกระสุนจริง ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 17 คนในกาฐมาณฑุ และ 2 คนในเมืองอิตาฮารี ทางตะวันออกของประเทศ กระทรวงสาธารณสุขเนปาลรายงานว่า มีผู้บาดเจ็บกว่า 400 คน รวมถึงเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย
ในวันนี้ ผู้ประท้วงยังคงชุมนุมในกาฐมาณฑุ แม้มีการประกาศเคอร์ฟิวในใจกลางเมือง โดยมีการเผาบูธตำรวจและเฟอร์นิเจอร์หน้าที่ทำการพรรคเนปาลีคองเกรส พรรคการเมืองใหญ่ที่สุดของประเทศ สนามบินนานาชาติถูกปิดชั่วคราวเนื่องจากความรุนแรงกระทบการปฏิบัติงาน ด้านเมืองจันทราปูร์ ทางใต้ของกาฐมาณฑุ ตำรวจยิงปืนขึ้นฟ้าเพื่อสลายฝูงชนที่ฝ่าฝืนเคอร์ฟิว และรถตำรวจถูกจุดไฟเผา

นพ.กาการ ธาปา เลขาธิการพรรคเนปาลีคองเกรส เรียกร้องให้ นายกฯ โอลี รับผิดชอบต่อการปราบปรามผู้ประท้วงและลาออกทันที พร้อมย้ำว่าพรรคจะถอนตัวจากรัฐบาลผสม หนังสือพิมพ์รายใหญ่ของเนปาลยังเรียกร้องให้ โอลี ลาออกเช่นกัน ขณะที่ ราเมช เลขัก รัฐมนตรีมหาดไทย และรัฐมนตรีด้านเกษตร น้ำ และสาธารณสุข ประกาศลาออกเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาเพื่อรับผิดชอบต่อเหตุรุนแรง
ทั้งนี้ รัฐบาลได้ประกาศยกเลิกการแบนโซเชียลมีเดียแล้วเพื่อลดความตึงเครียด แต่ผู้ประท้วงยังคงเรียกร้องความรับผิดชอบต่อปัญหาคอร์รัปชันและการหางาน เพราะอัตราการว่างงานของเยาวชนอายุ 15-24 ปีในเนปาลสูงถึงร้อยละ 20.8 ในปี 2567 ตามข้อมูลของธนาคารโลก ขณะที่เศรษฐกิจเนปาลพึ่งพาเงินส่งกลับจากต่างประเทศถึงร้อยละ 33.1 ของจีดีพี การเคลื่อนไหวทางออนไลน์ต่อต้าน "Nepo Kids" หรือบุตรหลานนักการเมืองที่อวดวิถีชีวิตหรูหรา ยิ่งตอกย้ำความไม่เท่าเทียมในสังคม
องค์การสหประชาชาติและแอมเนสตี อินเตอร์เนชันแนล ออกมาประณามการใช้กำลังรุนแรงของตำรวจและเรียกร้องให้มีการสอบสวนอย่างโปร่งใส โดยระบุว่าการใช้กระสุนจริงต่อผู้ประท้วงที่ไม่ก่อภัยคุกคามร้ายแรงเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ
ทางด้าน "โอลี" กล่าวก่อนลาออกว่า รัฐบาลไม่ได้ต่อต้านข้อเรียกร้องของกลุ่ม Gen Z และแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมระบุว่า ความรุนแรงเกิดจากการแทรกแซงของกลุ่มที่มีผลประโยชน์ทับซ้อน แต่ไม่ได้ระบุว่าเป็นกลุ่มใด
อ่านข่าวอื่น :
เนปาลยกเลิกแบนใช้โซเชียล หลังประท้วงเดือดเสียชีวิต 19 คน
"ถั่วแระ" ชี้แจงปมเส้นเงินวัดพระบาทน้ำพุ "บิ๊กเต่า" จ่อหมายเรียกเพิ่ม