วันนี้ (11 ก.ย.2568) นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.พรรคประชาชน ในฐานะกรรมาธิการการพัฒนาการเมืองฯ สภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยผลการประชุมว่า มีการหารือตัวแทน 3 พรรคการเมือง ประกอบไปด้วยนายพริษฐ์ วัชรสินธุ ตัวแทนพรรคประชาชน นายชลน่าน ศรีแก้ว ตัวแทนพรรคเพื่อไทย และนายภราดร ปริศนานันทกุล ตัวแทนพรรคภูมิใจไทย
ร่วมหารือกับตัวแทนกรรมาธิการพัฒนาการเมืองของวุฒิสภา และภาคประชาชน ที่ติดตามการแก้ไขรัฐธรรมนูญ กกต. และ สำนักกฎหมายของสภาสภาผู้แทนราษฎร ถึงแนวทางในการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ หลังจากที่มีคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญออกมา หลายฝ่ายเห็นพ้องต้องกันว่า คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ยังมีปัญหาเรื่องกระบวนการเช่นการตอบคำถามที่ไม่ได้ถามโดยตรง และเนื้อหาคำวินิจฉัยคล้ายจะเป็นการปิดประตูต่อการมีสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) ที่มาจากการเลือกตั้ง อาจขัดต่อหลักการประชาธิปไตยและคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่เคยวินิจฉัยไว้เมื่อปี 2564 เมื่อคำวินิจฉัยเป็นเช่นนี้จะมีแนวทางการเดินหน้าอย่างไร มีบทสรุปร่วมกันในที่ประชุม 3 ข้อสรุป
ข้อสรุปที่ 1.ทั้ง 3 พรรคการเมืองเห็นตรงกันว่า สามารถเดินหน้าสู่การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยทางประชามติ 2 รอบ เริ่มให้รัฐสภาพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ หมวด 15/1 เกี่ยวกับกลไกการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เมื่อผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภา 3 วาระ จะทำประชามติรอบแรก โดยจะมีคำถาม 2 ข้อ ถามว่า 1.เห็นควรให้มีการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่ กับ 2 เห็นด้วยกับร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญในหมวด 15/1 เกี่ยวกับกลไกการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่รัฐสภาเห็นชอบมาหรือไม่ และเมื่อมีการจัดทำฉบับใหม่เสร็จแล้วก็จะนำไปสู่การทำประชามติรอบที่ 2 เพื่อถามว่าประชาชนเห็นชอบกับร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่ ซึ่งจะสอดคล้องกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเมื่อวานนี้ (10 ก.ย.68)
ข้อสรุปที่ 2 เห็นว่า กระบวนการดังกล่าวสามารถเดินหน้าเพื่อให้มีการจัดทำประชามติรอบแรกให้ทันพร้อมกับการเลือกตั้ง ภายในกรอบเวลา MOA ที่ต้องยุบสภาภายใน 4 เดือนหลังจากแถลงนโยบาย หากแถลงนโยบายช่วง ปลายเดือน ก.ย.2568 หมายความว่า ต้องมีการยุบสภาภายในช่วงปลายเดือน ม.ค.2569 โดยเชื่อว่า ภายในกรอบเวลา 4 เดือน MOA สามารถเดินหน้าจัดทำประชามติรอบแรกการเลือกตั้งได้
ทุกพรรคเห็นตรงกันว่าสามารถเดินหน้ายื่นและพิจารณาร่างแก้ไขและรัฐธรรมนูญหมวด 15 ได้เลย หากผ่านวาระที่ 1 ไป แล้วกรรมาธิการพิจารณาเสร็จ สามารถส่งกลับในวาระที่ 2 ช่วงเดือน ธ.ค.ก็ทำให้สามารถให้ความเห็นชอบในวาระที่ 3 ได้ ภายในเดือน ธ.ค.2568 ก็ยังมีเวลาในเดือน ม.ค.ที่ต้องเคาะเรื่องของวันการจัดทำประชามติ ซึ่งก็จะเกิดขึ้นกับการยุบสภาไม่เกินช่วงปลายเดือน ม.ค.
นายพริษฐ์ กล่าวถึงข้อสรุปที่ 3 โดยแต่ละพรรคจะหารือภายในเพื่อทบทวนจัดทำร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญในหมวด 15 /1 ให้สอดคล้องกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ในการเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เพื่อให้ยึดโยงกับประชาชนมีส่วนร่วม โดยตั้งเป้าว่าภายในสัปดาห์หน้า ต้องการให้ทั้ง 3 พรรคการเมืองมานำเสนอแนวคิดร่างของตนเองต่อที่ประชุมคณะกรรมาธิการ

นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.พรรคประชาชน
นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.พรรคประชาชน
เมื่อถามว่าร่างของพรรคประชาชนจะเสร็จสิ้นภายในสัปดาห์หน้า นายพริษฐ์ ระบุว่าของเราเสร็จ และที่คุยจากตัวแทนพรรคเพื่อไทย ยืนยันว่า สามารถดำเนินการให้เสร็จภายในสัปดาห์หน้าได้ ส่วนตัวแทนพรรคภูมิใจไทยออกจากห้องก่อนที่จะมีการสรุปประเด็นนี้ แต่มีการให้คำยืนยันว่า จะจัดทำโดยเร็วจึงหวังว่าในสัปดาห์หน้าจะได้เห็นร่างหรือโมเดลของทั้ง 3 พรรค เพื่อได้ยื่นเข้าสู่ระเบียบวาระและเปิดพิจารณาในวาระที่ 1
เมื่อถามถึงเนื้อหาหลักของพรรคประชาชน นายพริษฐ์กล่าวว่า จะต้องมีการหารือกันภายใน ในช่วง 2 - 3 วัน ข้างหน้านี้ เนื่องจากเนื้อหาเดิมในร่างที่ค้างอยู่เป็นการให้เสนอ สสร.ที่มาจากการเลือกตั้งโดยตรง จำนวน 200 คน โดย 100 คนมาจากแบ่งเขตจังหวัด อีกจำนวน 100 คนมาจากบัญชีรายชื่อระดับประเทศ เมื่อมีคำวินิจฉัยมาก็ต้องมีการทบทวน ว่า การมี สสร.โดยตรงจะไปต่อได้หรือไม่ หากขัดต่อคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญจึงต้องออกแบบให้ประชาชนมีส่วนร่วมทางตรง และยึดโยงกับประชาชนทางตรง ซึ่งมีหลายแนวคิดที่นำเสนอและสังคมอยู่ขณะนี้ จะเป็นขั้นตอนที่พักพูดคุยกันและสรุปเป็นข้อเสนอ
เมื่อถามว่า แนวทางของพรรคประชาชนกับพรรคเพื่อไทยใกล้กัน แต่ของพรรคภูมิใจไทยและฝั่ง สว.ได้หารือหรือพูดคุยหรือไม่ นายพริษฐ์ กล่าวว่า 3 ข้อสรุปที่ได้กล่าวมาข้างต้นเป็นข้อสรุปของทั้ง 3 พรรคการเมืองในการเดินหน้าจัดทำฉบับใหม่ผ่านการทำประชามติ 2 รอบ และเห็นต้องการว่าสามารถใช้กรอบเวลา 4 เดือนให้นำไปสู่การกระทำประชามติรอบแรกพร้อมกับการเลือกตั้งได้

ทั้งนี้ ข้อสรุปที่ 3 นั้นทั้ง 3 พรรคการเมืองก็เห็นตรงกันว่า ขณะนี้เป็นหน้าที่ของทั้ง 3 พรรคการเมืองไปเร่งจัดทำร่างหมวด15/1 เพื่อมานำเสนอต่อที่ประชุมรัฐสภา ซึ่งวันนี้มีตัวแทนของคณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมืองของวุฒิสภามาร่วมประชุมด้วย โดย ชี้ว่าเป็นหน้าที่ของทุกพรรคการเมืองในการพูดคุยทำความเข้าใจและโน้มน้าวให้วุฒิสภาเห็นชอบกับร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพราะหากจะผ่านความเห็นชอบไปได้จะต้องได้รับความเห็นชอบจากสมาชิกวุฒิสภาใช่ไม่น้อยกว่า 1 ใน 3
ทั้งนี้ หากสัปดาห์หน้าพรรคภูมิใจไทยไม่พร้อมจะทำให้ไทม์ไลน์ถูกยื้อหรือไม่ นายพริษฐ์ ระบุว่า หากวาระ 1 ถูกเลื่อนออกไป ไม่ได้มีความหมายอะไรแต่กรรมาธิการจะได้เวลาน้อยลง เพื่อให้เวลากรรมาธิการคงเวลาไว้ที่ 2 เดือนเต็ม และมีการพูดคุยให้ตกผลึกก่อนเข้าวาระ 1 ส่วนคำวินิจฉัยฉบับเต็มที่จะทันหรือไม่ ต้องขอเรียกร้องไปยังศาลรัฐธรรมนูญว่า ยิ่งประเด็นนี้มีความสำคัญ ยิ่งมีการถกเถียง หรือประเด็นมองว่า เป็นการตอบเกินคำถามนั้น อยากให้ศาลรัฐธรรมนูญเร่งออกคำวินิจฉัยกลางและคำวินิจฉัยส่วนบุคคลของทั้ง 9 คนมาโดยเร็ว ซึ่งมติคณะกรรมาธิการล่าสุดก็มีการทำหนังสือขอคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญเช่นเดียวซึ่งทางที่ดีที่สุดขอให้เปิดเผยต่อสาธารณะโดยเร็ว
ส่วนมีการหารือส่วนตัวกับพรรคภูมิใจไทยหรือไม่นายพริษฐ์ ระบุว่า มีการพูดคุยกันทันที ตั้งแต่เมื่อวานนี้ (10 ก.ย.68) หลังมีคำวินิจฉัยได้คุยกับทางพรรคภูมิใจไทยและพรรคเพื่อไทยว่า ตีความไว้อย่างไร มองแนวทางเดินหน้าอย่างไร ซึ่งวันนี้จึงถือเป็นการได้ข้อสรุปอย่างเป็นทางการในที่ประชุมคณะกรรมาธิการ ส่วนเป็นสัญญาใจใช่หรือไม่ เป็นสัญญาประชาคมที่ถูกบันทึกไว้ในกรรมาธิการ
อ่านข่าว : นักวิชาการหวั่น รธน.ฉบับใหม่ ล่าช้า หลัง "ศร." กำหนดเงื่อนไขจัดทำ
"นิกร" ชี้แก้ รธน.ประชาชนฉบับใหม่ แนะอิงเส้นทางฉบับปี 2540
"พท." ออกแถลงการณ์ เดินหน้าจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่