ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

ทีมสัตวแพทย์ให้สเต็มเซลล์ รักษาลูกช้างป่า “ข้าวต้ม”

 ทีมสัตวแพทย์ให้สเต็มเซลล์ รักษาลูกช้างป่า “ข้าวต้ม”
ทีมสัตวแพทย์ อัปเดตการดูแลลูกช้างป่า “ข้าวต้ม” พบว่ายังกินนมและน้ำข้าวต้มได้น้อย พร้อมให้สเต็มเซลล์รักษามุ่งลดการอักเสบในร่างกายลูกช้าง

วันนี้ (1พ.ย.2558) ทีมสัตวแพทย์ ได้แก่ สพ.ญ.ณฐนน ปานเพ็ชร นายสัตวแพทย์ชำนาญการ หัวหน้าเขตห้ามล่าสัตว์ป่าบึงฉวาก และศูนย์พัฒนาการจัดการสัตว์ป่าบึงฉวาก, สพ.ญ.มัชฌมณ แก้วพฤหัสชัย นายสัตวแพทย์ชำนาญการ หัวหน้าศูนย์ช่วยเหลือสัตว์ป่าที่ 2 (กระบกคู่), น.สพ. นภัส เสวกวรรณ นายสัตวแพทย์ กลุ่มงานจัดการสุขภาพสัตว์ป่า สำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า, น.สพ. วิศรุต ปิยะศิริศิลป์ นายสัตวแพทย์ กลุ่มงานจัดการสุขภาพสัตว์ป่า สำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า อัปเดตการดูแลรักษาลูกช้างป่า “ข้าวต้ม” ในช่วงวันที่ 31ต.ค. 2568 และวันที่ 1 พ.ย. จนถึงเวลา 09.00 น.

ภาพ กรมอุทยานฯ

ภาพ กรมอุทยานฯ

ภาพ กรมอุทยานฯ

ลูกช้างป่ากินนมและน้ำข้าวต้ม แต่ยังคงกินได้น้อยกว่าปริมาณที่สัตวแพทย์คำนวนปริมาณไว้ ปัสสาวะมีสีขุ่น อุจจาระเหลวสีเหลือง

ทัังนี้ ได้ให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำตลอดทั้งวัน เพื่อป้องกันภาวะขาดน้ำ และพยุงระดับน้ำตาลในเลือด รวมทั้งให้โปรตีนเสริม (กรดอะมิโนที่จำเป็น) และวิตามินรวม

ในวันที่ 31 ต.ค.2568 เวลา 15.30 น. ทีมสัตวแพทย์ให้สเต็มเซลล์ทางหลอดเลือดดำ เพื่อทำการรักษาโดยมุ่งเน้นด้านการลดการอักเสบทั่วร่างกาย ของระบบทางเดินอาหาร และอวัยวะภายในร่างกายลูกช้าง

ภาพ กรมอุทยานฯ

ภาพ กรมอุทยานฯ

ภาพ กรมอุทยานฯ

ส่วนแผลในช่องปากดีขึ้น แผลที่สะดือและแผลที่อวัยวะเพศแห้งดี แผลถลอกรอบฟื้นตัวดี ส่วนแผลกดทับบริเวณสะโพกทั้ง 2 ข้าง ใช้วิธีการเจาะดูด และเลเซอร์รักษา ลดการอักเสบและการบวมของแผล

ภาพ กรมอุทยานฯ

ภาพ กรมอุทยานฯ

ภาพ กรมอุทยานฯ

นอกจากนี้ ทีมสัตวแพทย์และเจ้าหน้าที่ได้นวดและยืดเหยียดขา เพื่อเป็นการกายภาพ แต่ต้องประเมินอาการของข้าวต้มทุกครั้งก่อนการทำกายภาพ โดยทำเมื่อสภาวะร่างกายปกติ