วันนี้ (1 พ.ย.2568) นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย.2568 เป็นต้นไป ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐจำนวน 13.4 ล้านคน จะได้รับเงินช่วยเหลือเพิ่มเติมเดือนละ 850 บาทต่อคน เป็นเวลา 2 เดือน รวม 1,700 บาทต่อคน ซึ่งจะถูกโอนเข้าบัญชีอัตโนมัติในวันที่ 1 พ.ย.2568 และ 1ธ.ค.2568 คาว่าจะมีเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจฐานรากกว่า 22,780 ล้านบาท ตลอดโครงการ
โดยรัฐบาลประเมินว่าจะช่วยกระตุ้นกำลังซื้อของประชาชนในภูมิภาค สร้างการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจในภาคค้าปลีกและสินค้าอุปโภคบริโภค ซึ่งเป็นภาคส่วนที่มีแรงส่งสำคัญต่อ GDP ไตรมาสสุดท้ายของปีใช้ได้เฉพาะร้านธงฟ้า–สินค้าอุปโภคบริโภค
ทั้งนี้ ผู้ถือบัตรฯ ยังคงได้รับสิทธิตามเดิม โดยสามารถใช้วงเงินเพิ่มเติมได้ที่ร้านธงฟ้าประชารัฐ และร้านค้าที่เข้าร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ สำหรับซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็น สินค้าเพื่อการศึกษา และวัตถุดิบเพื่อเกษตรกรรม โดยวงเงินที่ได้รับในแต่ละเดือนจะไม่สามารถสะสมข้ามเดือนได้
นอกจากนี้ รัฐบาลอยู่ระหว่างการพิจารณาเปิดลงทะเบียนโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐรอบใหม่ คาดว่าจะเริ่มในช่วงต้นปี 2569 โดยจะมีการ ปรับเกณฑ์คุณสมบัติและเงื่อนไขใหม่ ให้สอดคล้องกับโครงสร้างเศรษฐกิจและรายได้ของประชาชนในปัจจุบัน เพื่อให้มาตรการช่วยเหลือเข้าถึง กลุ่มเปราะบาง และ กลุ่มรายได้น้อยจริง ได้ตรงจุดมากยิ่งขึ้น
ทั้งนี้นักเศรษฐศาสตร์จากสถาบันวิจัยเอกชนมองว่า การอัดฉีดเม็ดเงินกว่า 2 หมื่นล้านบาทในช่วงสองเดือนสุดท้ายของปี จะช่วยพยุงการบริโภคภาคครัวเรือน ซึ่งถือเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญของเศรษฐกิจไทยในภาวะที่การส่งออกยังชะลอตัว แต่ก็มีนักวิเคราะห์บางส่วนออกมาเตือนว่า มาตรการในลักษณะ เงินโอนชั่วคราวควรถูกออกแบบให้มีความยั่งยืนมากขึ้น เช่น การผูกกับโครงการสร้างงานหรือทักษะอาชีพ เพื่อป้องกันไม่ให้กลายเป็นเพียงการ อัดฉีดระยะสั้น ที่ไม่สร้างผลคูณทางเศรษฐกิจระยะยาว
อ่านข่าว:
พณ.เร่งกระตุ้นกำลังซื้อท้ายปี หนุนนโยบายรัฐ “บัตรสวัสดิการ-คนละครึ่งพลัส”
รัฐบาลยืนยัน "คนละครึ่งพลัส" ไม่จำกัดยอดใช้จ่ายขั้นต่ำต่อวัน











