ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

"กรมราชทัณฑ์" ขานรับคำสั่ง "รมว.ยธ." สั่งทบทวนหลักเกณฑ์ ส่งผู้ต้องขังรักษานอกเรือนจำ

การเมือง
17:01
145
"กรมราชทัณฑ์" ขานรับคำสั่ง "รมว.ยธ." สั่งทบทวนหลักเกณฑ์ ส่งผู้ต้องขังรักษานอกเรือนจำ
"กรมราชทัณฑ์" ขานรับคำสั่ง "รมว.ยุติธรรม" สั่งทบทวนหลักเกณฑ์ส่งผู้ต้องขังรักษาตัวนอกเรือนจำ - ประเมินพักโทษ เผยรอหนังสือฉบับเต็มก่อนตั้งคณะกรรมทำงานเพื่อศึกษาในแต่ละประเด็นก่อนสรุปส่งปลัดกระทรวงยุติธรรม

จากกรณีที่ พล.ต.ท.รุทธพล เนาวรัตน์ รมว.ยุติธรรม ทำบันทึกข้อความถึงปลัดกระทรวงยุติธรรม ขอให้พิจารณาทบทวนปรับปรุงกฎ ระเบียบ ประกาศ หลักเกณฑ์ และแนวทาง การส่งตัวผู้ต้องขังไปรักษาตัวนอกเรือนจำ การพิจารณาการพักการลงโทษ และการกำหนดอาณาเขตในสถานที่อื่นที่มิใช่เรือนจำ ให้เป็นสถานที่คุมขัง​

ตามข้อสังเกต​ที่​ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ส่งมา​ จากกรณีของอดีตนายกรัฐมนตรี​ ที่ถูกส่งออกไปรักษา ที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ จนเป็นเหตุให้ศาลฎีกาสั่งนายทักษิณ​ ชิน​วัตร​ กลับไปรับโทษในเรือนจำ ตามคำพิพากษาของศาล 

ล่าสุด วันนี้ (18 พ.ย.2568) พ.ต.ท.ประวุธ วงศ์สีนิล อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่า ในกรณีที่ รมว.ยุติธรรม ได้สั่งให้ปลัดกระทรวงยุติธรรม (ปลัด ยธ.) ดำเนินการทบทวนแก้ไขใน 3 ประเด็นสำคัญ ประกอบด้วย

ประเด็นแรกการส่งตัวผู้ต้องขังที่มีอาการเจ็บป่วยไปรักษาตัวนอกเรือนจำ ถูกมองว่า เป็นการใช้ดุลพินิจของพยาบาลในการส่งตัวผู้ต้องขังที่มีอาการเจ็บป่วยออกไปรักษาตัวนอกเรือนจำ มีความเหมาะสมหรือไม่ โดยอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ให้ความเห็นว่า เนื่องด้วยตนยังไม่ได้รับเอกสารฉบับเต็มอย่างเป็นทางการ จึงยังไม่ทราบรายละเอียด

แต่อย่างไรก็ดี เมื่อได้รับหนังสืออย่างเป็นทางการ จะตั้งคณะทำงานขึ้นมา 1 ชุด โดยมีตนเองในฐานะอธิบดีกรมราชทัณฑ์ เป็นประธาน รวมถึงจะเชิญคณะผู้บริหารของกรมฯ เจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญ รวมถึง ผอ.กองทัณฑวิทยา กองทัณฑปฏิบัติ กองกฎหมาย กองบริการทางการแพทย์ เป็นต้น มาร่วมเป็นคณะทำงานเพื่อศึกษาในแต่ละประเด็น ทบทวน แก้ไข และเพื่อเสนอความเห็นโดยสรุปไปยังปลัดกระทรวงยุติธรรมรับทราบ

พ.ต.ท.ประวุธ ยังกล่าวอีกว่า ในเรื่องของการให้ทบทวนว่า การใช้ดุลพินิจของพยาบาลในการส่งตัวผู้ต้องขังที่มีอาการเจ็บป่วยออกไปรักษาตัวนอกเรือนจำนั้นมีความเหมาะสมหรือไม่ เรื่องนี้มองได้ 2 มุม

โดยเฉพาะในเรื่องของความเร่งด่วน หากเรือนจำนำส่งตัวผู้ต้องขังที่มีอาการเจ็บป่วยล่าช้า แล้วผู้ต้องขังเกิดเสียชีวิตระหว่างทาง ราชทัณฑ์ก็จะถูกญาติของผู้ต้องขังฟ้องดำเนินคดีได้ ดังนั้น จึงมองว่า ต้องพิจารณาเป็นรายกรณี โดยถ้าหากเจ้าหน้าที่เห็นด้วยกายภาพแล้วพบว่า ผู้ต้องขังรายดังกล่าวมีอาการหนัก แต่ต้องรอติดต่อกับแพทย์มันก็ไม่มีเวลาที่จะช่วยชีวิตผู้ต้องขังทันได้ กรณีเช่นนี้จะต้องรีบนำส่งเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลทันที

แต่อีกประการ คือ หากมองทางกายภาพแล้วพบว่า ผู้ต้องขังยังพอไหวเจ็บป่วยทั่วไป จึงต้องทบทวนหาวิธีการปฏิบัติที่เหมาะสมในการส่งผู้ต้องขังรับการรักษาพยาบาล หรือ อาจพิจารณาให้แพทย์ได้เข้ามาตรวจร่างกายผู้ต้องขังก่อน ทั้งนี้ กรณีมีอาการวิกฤตฉุกเฉิน กฎหมายก็ระบุว่า ต้องรีบส่งตัวผู้ต้องขังที่มีอาการเจ็บป่วยได้รับการรักษาพยาบาลโดยเร็ว ซึ่งต้องชั่งน้ำหนักในประเด็นสิทธิมนุษยชน และแนวทางการปฏิบัติอย่างเหมาะสม

อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ยังกล่าวว่า ประเด็นการพักโทษกรณีมีเหตุพิเศษ เนื่องจากเจ็บป่วยร้ายแรง หรือ พิการ หรือมีอายุ 70 ปีขึ้นไป ซึ่งทางรมว.ยุติธรรมมองว่า การใช้ดุลพินิจของพยาบาลในการประเมินแบบประเมินคัดกรองควรเป็นแพทย์เป็นผู้ประเมินหรือไม่

รวมถึงแบบประเมินคัดกรองในปัจจุบันมีมาตรฐานหรือไม่ ในกรณีที่ผู้ต้องขังไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ หรือช่วยเหลือตัวเองได้น้อยนั้น เรื่องนี้ทางคณะทำงานก็คงจะต้องนำประเด็นนี้มาพิจารณาทบทวนเพื่อหาความเหมาะสม เฉกเช่นเดียวกับประเด็นเรื่องการจัดทำหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข การกำหนดอาณาเขตในสถานที่อื่นที่มิใช่เรือนจำให้เป็นสถานที่คุมขัง ก็ต้องหาแนวทางปฏิบัติและใช้ดุลพินิจอย่างเหมาะสม

อ่านข่าว : "รมว.ยุติธรรม" สั่งทบทวนหลักเกณฑ์ ส่งผู้ต้องขังรักษานอกเรือนจำ 

ศาลฎีกาพิพากษากลับ ให้ "ทักษิณ" แพ้คดีเลี่ยงภาษีขายหุ้นชินฯ จ่าย 1.76 หมื่นล้านบาท 

ครอบครัวเผย "ทักษิณ" พร้อมสู้ หลัง "อสส." เตรียมยื่นอุทธรณ์คดี ม.112