ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

2569 ปีม้าไฟ พลังเร่งโลกเปลี่ยนสู่ยุคใหม่ผ่าน "5 ม้าชื่อดังในตำนาน"

ไลฟ์สไตล์
08:08
29
2569 ปีม้าไฟ พลังเร่งโลกเปลี่ยนสู่ยุคใหม่ผ่าน "5 ม้าชื่อดังในตำนาน"
ปีม้าไฟ 2569 กำลังถูกจับตามองในฐานะปีแห่งการเปลี่ยนแปลง ที่ผสานความเร็วของม้าเข้ากับความร้อนแรงของไฟ ขณะที่หลายคนเริ่มหันมาย้อนอ่านวัฒนธรรมจีนโบราณ เพื่อตีความกระแสใหม่ของสังคมยุคปัจจุบัน ผ่านเรื่องเล่า "5 ม้าชื่อดังในตำนาน" ที่สะท้อนจิตวิญญาณของมนุษย์

การเดินทางเข้าสู่ปี ค.ศ.2026 หรือ พ.ศ.2569 ซึ่งตรงกับ "ปีมะเมียธาตุไฟ" ตามหลักปฏิทินจีนโบราณ ก่อให้เกิดความสนใจครั้งใหม่ต่อระบบนักษัตรและปรัชญาอู๋ซิงอย่างกว้างขวาง เพราะปีนี้ไม่ได้เป็นเพียงการหมุนวนของสัตว์ประจำปีตามธรรมเนียมเท่านั้น แต่ยังเป็นการผสานระหว่างพลังของ "ม้า" ที่เป็นสัญลักษณ์แห่งความเร็ว ความกล้าหาญ และแรงผลักดัน เข้ากับ "ไฟ" ธาตุที่เป็นตัวแทนของความร้อนแรง การขยายตัว และการริเริ่มสิ่งใหม่

ความเชื่อนี้มีรากมาจากแผ่นดินจีนช่วงราชวงศ์โจว "ระบบห้าธาตุ หรือ อู๋ซิง" ถูกใช้ตีความพลังงานที่หล่อเลี้ยงสังคม ทั้งด้านเกษตรกรรม การเมือง และสภาวะทางจิตวิญญาณ ม้าในห้วงประวัติศาสตร์จีนจึงไม่ใช่เพียงสัตว์พาหนะ แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ของงานศิลป์ ภาพนิมิตฮวงจุ้ย หรือการพยากรณ์ชะตาชีวิต

ข้อมูลจาก Chinahighlights อธิบายว่า เมื่อม้าถูกจับคู่กับธาตุไฟ ปีม้าไฟจึงถูกมองว่าเป็นปีที่พลังงานร้อนแรงทวีคูณ ผู้คนมักเชื่อว่าเป็นปีแห่งการเคลื่อนตัวอย่างรวดเร็ว การกำเนิดความคิดใหม่ การพลิกบทบาททางสังคม และการเปลี่ยนผ่านที่ยิ่งใหญ่ ความหมายเหล่านี้ยิ่งเด่นชัดเมื่อเทียบกับปีม้าธาตุอื่น เช่น

  • ปีม้าไม้ เน้นความเจริญเติบโตแบบค่อยเป็นค่อยไป
  • ปีม้าน้ำ สื่อถึงความยืดหยุ่นและปัญญา
  • ปีม้าดิน เน้นความมั่นคงหนักแน่น
  • ปีม้าโลหะ สื่อถึงความเคร่งครัดและทรงพลัง

แต่ "ปีม้าไฟ" กลับพุ่งทะยานอย่างราวกับประกายไฟที่พัดตามสายลมแห่งการเปลี่ยนแปลง ทำให้ทั้งนักประวัติศาสตร์ นักโหราศาสตร์จีน และผู้สนใจวัฒนธรรมต่างชาติต่างหันมามองปีนี้ด้วยความคาดหวังว่าอาจเป็นเวลาที่โลกจะขยับไปสู่ความคิดใหม่อย่างชัดเจน

ภาพประกอบข่าว

ภาพประกอบข่าว

ภาพประกอบข่าว

เพื่อเฉลิมฉลองการมาถึงของปีซึ่งเชื่อมโยงกับพลังงานอันร้อนแรงเช่นนี้ ชวนท่องไปยังเรื่องเล่าของ "5 ม้าชื่อดังทั้งในประวัติศาสตร์โลกและในวรรณกรรมชื่อดัง" ซึ่งแต่ละตัวไม่ได้เป็นเพียงสัตว์พาหนะ หากแต่เป็นภาพแทนจิตวิญญาณของมนุษย์ในยุคต่าง ๆ ที่สะท้อนความกล้าหาญ ความทะเยอทะยาน อุดมการณ์ และความลึกลับเหนือเหตุผล ซึ่งยังคงอยู่ในจินตนาการของผู้คนมาจนถึงปัจจุบัน

Bucephalus

ม้าคู่ใจของอเล็กซานเดอร์มหาราช เป็นหนึ่งในม้าที่มีชื่อเสียงที่สุดในสมัยโบราณ เป็นสัญลักษณ์ของมิตรภาพ ความเข้าใจ และความกล้าหาญเกินวัย ตามบันทึกของพลูทาร์ช ได้บันทึกถึงความสามารถของอเล็กซานเดอร์วัยเพียง 12 ปี ที่จับสังเกตได้ว่าม้าตัวนี้ไม่ได้ดื้อรั้นอย่างที่ทุกคนเชื่อ แต่กำลังหวาดกลัวเงาตนเอง

อเล็กซานเดอร์จึงหมุนตัวม้าให้หันเข้าหาแสงอาทิตย์ ก่อนขึ้นควบอย่างมั่นคงจนกลายเป็นคู่หูในศึกกว่า 20 ครั้ง บูเซฟาลัส ลงสนามตั้งแต่ศึกแรก ๆ ในมาซิโดเนียไปจนถึงยุทธการไฮดาสปีสในอินเดีย และเมื่อมันตาย อเล็กซานเดอร์ โศกเศร้ากับการสูญเสียม้าของเขาอย่างมาก ถึงกับตั้งชื่อเมืองหนึ่งในบรรดาเมืองมากมายที่เขาก่อตั้งขึ้นตามชื่อของเขาว่า อเล็กซานเดรีย บูเซฟาลัส เพื่อเป็นอนุสรณ์แด่ม้าศึกคู่ใจ 

Bucephalus ม้าคู่ใจของอเล็กซานเดอร์มหาราช

Bucephalus ม้าคู่ใจของอเล็กซานเดอร์มหาราช

Bucephalus ม้าคู่ใจของอเล็กซานเดอร์มหาราช

Marengo

เป็นม้าศึก ที่มีชื่อเสียง ของนโปเลียนที่ 1 แห่งฝรั่งเศสตั้งชื่อตามยุทธการที่ Marengo เป็นม้าอาหรับสีเทาที่เปี่ยมด้วยความอดทน แม้จะเป็นม้าขนาดเล็ก มีความสูงเพียงแค่ 145 ซม. แต่ มาเรงโก ก็ถือเป็นหนึ่งในม้าที่ทรหดที่สุดในยุคสงครามนโปเลียน มีบันทึกว่า มาเรงโก ผ่านศึกไม่น้อยกว่า 60 ครั้ง ทำให้มันได้รับการกล่าวขานอย่างยาวนานจนถึงช่วงปิดฉากเส้นทางอำนาจของนโปเลียน

Marengo ม้าศึกของนโปเลียนที่ 1 แห่งฝรั่งเศส

Marengo ม้าศึกของนโปเลียนที่ 1 แห่งฝรั่งเศส

Marengo ม้าศึกของนโปเลียนที่ 1 แห่งฝรั่งเศส

หลังพ่ายแพ้ต่ออังกฤษ มาเรงโก ยังมีชีวิตอยู่ต่ออีกเกือบ 2 ทศวรรษ และโครงกระดูกของมันถูกจัดแสดงในพิพิธภัณฑ์กองทัพแห่งชาติลอนดอนจนถึงปัจจุบัน เป็นหลักฐานของยุคสมัยที่พละกำลังของม้ากำหนดผลลัพธ์ของอาณาจักรทั้งทวีป

โครงกระดูกของ Marengo ถูกจัดแสดงในพิพิธภัณฑ์กองทัพแห่งชาติลอนดอน

โครงกระดูกของ Marengo ถูกจัดแสดงในพิพิธภัณฑ์กองทัพแห่งชาติลอนดอน

โครงกระดูกของ Marengo ถูกจัดแสดงในพิพิธภัณฑ์กองทัพแห่งชาติลอนดอน

Brooklyn Supreme

หนึ่งในม้าที่ตัวใหญ่ที่สุดเท่าที่ถูกบันทึกในโลก Brooklyn หรือ ชื่อที่เรียกกันเล่น ๆ Brookie เป็นม้าพันธุ์เบลเยียมดราฟต์ เกิดเมื่อปี 2471 และมีความสูงถึง 198 ซม. น้ำหนักทะลุ 1.4 ตัน ในช่วงทศวรรษ 1930–1940 ม้าตัวนี้ถูกตระเวนจัดแสดงทั่วสหรัฐเพื่อสะท้อนพลังอุตสาหกรรมและศักยภาพด้านแรงงานในยุคที่เครื่องจักรกลยังไม่เข้ามาแทนที่เกษตรกรรมแบบดั้งเดิม

Guinness World Records บันทึกชื่อของบรู๊กกี้ไว้ในฐานะหนึ่งในม้าที่ตัวใหญ่และแข็งแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ และมักถูกยกขึ้นเป็นตัวแทนของบทบาทม้าในเศรษฐกิจชนบทอเมริกันยุคก่อนสมัยใหม่

Brooklyn Supreme ม้าที่ตัวใหญ่ที่สุดในโลก

Brooklyn Supreme ม้าที่ตัวใหญ่ที่สุดในโลก

Brooklyn Supreme ม้าที่ตัวใหญ่ที่สุดในโลก

Prometea

ม้าโคลนนิ่งตัวแรกของโลก ซึ่งเกิดขึ้นในปี 2547 จากผลงานของ ดร.เซซาเร กัลลี นักวิทยาศาสตร์ชาวอิตาเลียน โปรเมที เป็นจุดเปลี่ยนด้านเทคโนโลยีชีวภาพ เพราะเป็นสัตว์ขนาดใหญ่ตัวแรกที่โคลนสำเร็จโดยใช้เซลล์ผิวหนังของแม่ แล้วฝังกลับไปในมดลูกแม่อีกครั้ง และแม่ม้าสามารถอุ้มท้องครบตามระยะเวลา และตกลูกออกมาตามวิธีธรรมชาติ

ผลการตรวจ DNA ยืนยันว่า Prometea เป็นลูกม้าพันธุ์ Haflinger ฝาแฝดของแม่อย่างสมบูรณ์ งานนี้ถูกเผยแพร่ไปทั่วในวารสารวิทยาศาสตร์สำคัญ เช่น Nature และ New Scientist แต่ก็ยังทำให้เกิดการถกเถียงด้านจริยธรรมเกี่ยวกับบทบาทของการโคลนนิ่งสัตว์ใหญ่ที่ยังดำเนินต่อมาถึงปัจจุบัน

ม้านิลมังกร

จากวรรณคดีทรงคุณค่า "พระอภัยมณี" ของสุนทรภู่ ซึ่งเป็นผลงานที่สื่อให้เห็นภาพของม้าในอีกมิติหนึ่ง มิติที่ผสมผสานพลังเหนือธรรมชาติ ความศักดิ์สิทธิ์ และสติปัญญาเข้าด้วยกัน ม้านิลมังกรถูกออกแบบให้เป็นลูกผสม เกิดจากการผสมพันธุ์ระหว่างม้า (แม่) กับมังกร (พ่อ) ส่วนหัวเป็นมังกรเหมือนพ่อ ส่วนตัวจนถึงขาเป็นม้าเหมือนแม่ มีหางเป็นนาค สามารถพุ่งทะยานได้ทั้งในน้ำและบนอากาศ เป็นทั้งสหายและผู้คุ้มกันของสุดสาคร สันนิษฐานว่า สุนทรภู่จินตนาการมาจากกิเลนของจีน ในวรรณคดีของจีนเรื่องต่าง ๆ ที่เข้าสู่ประเทศไทยแล้วในเวลานั้น 

ม้านิลมังกร

ม้านิลมังกร

ม้านิลมังกร

การปรากฏตัวของม้านิลมังกรในสื่อร่วมสมัย ตั้งแต่ภาพประกอบ หนังสือเรียน ไปจนถึงแอนิเมชัน ทำให้ตัวละครนี้กลายเป็นสัญลักษณ์ในวรรณกรรมไทยของความกล้าหาญ ความภักดี และพลังแห่งการปกป้องที่เกินธรรมดา

เรื่องราวของทั้ง 5 ม้านี้ ตั้งแต่อาณาจักรโบราณ สงครามยุคจักรพรรดิ การปฏิวัติอุตสาหกรรม การทดลองทางชีวภาพ จนถึงโลกวรรณกรรมไทย สะท้อนความสัมพันธ์ลึกซึ้งระหว่างมนุษย์และม้าที่ดำรงอยู่ในทุกยุคสมัย

ปีมะเมียธาตุไฟ พ.ศ.2569 ซึ่งเต็มไปด้วยนัยแห่งการขับเคลื่อนและพลังการเริ่มต้น จึงเป็นช่วงเวลาที่เรื่องราวเหล่านี้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง ไม่ใช่เพียงในฐานะตำนานหรืองานประวัติศาสตร์ แต่ในฐานะภาพแทนที่ว่ามนุษย์ยังคงวิ่งไปข้างหน้า เคลื่อนไหวด้วยความหวัง ความกล้า และความปรารถนาจะสร้างสิ่งใหม่บนโลกใบเดิม ด้วยหัวใจที่ลุกโชนไม่ต่างจากม้าไฟแห่งปีนักษัตรนี้เอง

ภาพประกอบข่าว

ภาพประกอบข่าว

ภาพประกอบข่าว

รู้หรือไม่ : ปีนักษัตรจีนนับเริ่มต้นตั้งแต่วันตรุษจีน สำหรับ "ปีมะเมียไฟ" จะเริ่มนับจากวันที่ 17 ก.พ.2569 – 5 ก.พ.2570  

ที่มา : Bucephalus: The Horse of Alexander the GreatMarengo’s makeoverWorld's first cloned horse is bornศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)China highlights Buddha stonesEverythingEQWhat the Year of the Fire Horse Means for You in 2026