แผนเปิดประตูระบายน้ำคลอง 2-คลอง 10 ยังดำเนินการไม่ได้
การระบายน้ำที่หลากลงมาบริเวณคลองระพีพัฒน์ยังไม่สามารถทำได้ตามแผนเพราะชาวบ้านยังไม่เห็นด้วยที่จะให้เปิดประตูระบายน้ำในคลอง 2 -คลอง 10 ซึ่งหากสถานการณ์ยังเป็นลักษณะนี้ อาจทำให้น้ำหลากเข้าท่วมทุกบริเวณรวมถึงพื้นที่กรุงเทพมหานคร
นายชลิต ดำรงศักดิ์ อธิบดีกรมชลประทาน อธิบายสถานการณ์น้ำผ่านศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย หรือ ศปภ. โดยระบุว่า มวลน้ำจากจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และ ปทุมธานี ที่หลากมายังบริเวณคลองระพีพัฒน์ ซึ่งแผนเดิมจะมีการระบายน้ำดังกล่าวไปยังคลอง 2 ถึงคลอง 10 เพื่อให้น้ำจากคลองระพีพัฒน์ไหลไปทางตะวันออกเพื่อลดภาระน้ำที่น้ำจะไหลไปยังคลองรังสิตประยูรศักดิ์เพียงแห่งเดียว
แต่แผนดังกล่าวไม่ได้มีการดำเนินการ หรือ มีการดำเนินการเพียงระยะสั้น ๆ เนื่องจาก ประชาชนบางส่วนไม่เห็นด้วยที่จะให้เปิดประตูเพื่อระบายน้ำลงมา เพราะเกรงว่า น้ำจะหลากเข้าท่วมขณะนี้ทำให้ปริมาณน้ำยังออกันอยู่ที่คลองระพีพัฒน์ ซึ่งหากปริมาณน้ำมากกว่าที่เป็นอยู่ในขณะนี้จะส่งผลกระทบทำให้คันกั้นน้ำบริเวณคลองระพีพัฒน์พังลง และ น้ำอาจหลากเข้าท่วมทั่วบริเวณ เนื่องจากไม่สามารถผันไปลงยังแม่น้ำเจ้าพระยาได้ จึงจะส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง รวมถึงกรุงเทพมหานคร
อธิบดีกรมชลประทานจึงเรียกร้องให้ประชาชนในพื้นที่เห็นแก่ส่วนรวมอย่าคัดค้านการเปิดประตูระบายน้ำ เพราะอาจทำให้ความสูญเสียเพิ่มมากกว่าที่เป็นอยู่ในขณะนี้
ด้านนายวิม รุ่งวัฒนจินดา โฆษก ศปภ. ระบุว่า พื้นที่ทุ่งรังสิต ยังเป็นพื้นที่เฝ้าระวังใกล้ชิดต่อเนื่องมาจนถึง กรุงเทพมหานครฝั่งตะวันออกที่น้ำจากคลอง 13 และ คลอง 6 วา ตอนล่าง อาจส่งผลกระทบต่อพื้นที่เขตคลองสามวา หนองจอก และ มีนบุรี ขณะนี้ได้ประกาศให้เป็นพื้นที่เฝ้าระวังแล้ว
นอกจากนี้ยังมีอีกหลายพื้นที่ที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษทั้งที่ชุมชนท้ายนิคมอุตสาหกรรมนวนคร ที่แม้จะยังไม่ประกาศให้มีการอพยพประชาชนบริเวณใกล้เคียงนิคมฯ ที่ขณะนี้น้ำท่วมเต็มพื้นที่แล้ว แต่ขอให้ระมัดระวังปัองกันสถานการณ์ไว้ด้วย เช่นเดียวกับที่อำเภอบางเลน จังหวัดนครปฐม ซึ่งขณะนี้มีน้ำท่วมสูงถูกกำหนดให้เป็นพื้นที่เฝ้าระวังเช่นกัน
