เช้าวันนี้ (15 ก.ค.2568) ตลาดหุ้นไทยเปิดลบ 2.53 จุด มีการวิเคราะห์ว่านักลงทุนรอติดตามความคืบหน้าการเจรจาการค้าไทย-สหรัฐฯ รอบใหม่ หลังประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ โพสต์ว่าบรรลุดีลการค้ากับอินโดนีเซียแล้วที่ 19% และ 0% ซึ่งมีโอกาสเป็นอีกหนึ่งบรรทัดฐานกับประเทศในภูมิภาคต่อไป
นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ ระบุผ่านเฟซบุ๊ก ยกให้กรณีสหรัฐลดอัตราภาษีศุลกากรอินโดนีเซียว่าเป็น Great Deal สำหรับสหรัฐฯ กำแพงภาษีนำเข้าจากอินโดนีเซียจาก 32% ลดเหลือ 19% แต่อินโดนีเซียต้องนำเข้าจากสหรัฐด้วยอัตราภาษีเป็นศูนย์ โอกาสจะเข้าไปตลาดอินโดนีเซียที่มีคน 280 ล้านคน บวกกับข้อเสนอเพิ่มเติม ที่จะซื้อสิ่งต่างๆ จากสหรัฐฯ สินค้าพลังงาน สินค้าเกษตร และเครื่องบิน Boeing

นายกอบศักดิ์ มองว่า เป็นตัวอย่างของดีลที่เรียบง่าย เข้าใจง่าย สำหรับสินค้าอเมริกา บวกกับการซื้อสินค้าสหรัฐเพิ่มเติม เพื่อให้ได้รับดีลที่ดีกว่าเวียดนาม และเป็นตัวอย่างว่า "ได้รับจดหมายแล้ว ก็ยังเปลี่ยนได้ ถ้ามี Great Deal ที่ใช่สำหรับสหรัฐฯ"
มาลุ้นกันว่าไทยจะจบที่ตรงไหน จะอยู่ในช่วงที่ห่างจากคู่แข่งทั้งสองนี้ไม่มากหรือไม่ซึ่งนอกจากสองประเทศนี้แล้ว ในกลุ่มอาเซียน-5 ที่สำคัญกับไทย ฟิลิปปินส์ 20% มาเลเซีย 25% (กำลังเจรจาอยู่ เพื่อให้ได้อย่างน้อย 20%) สิงคโปร์ 10% (แต่อาจจะถูกปรับขึ้นได้เป็น 15-20% เหมือนกับประเทศอื่นๆ อีกกว่า 100 ประเทศ) หมายความว่า ตอนนี้เหลือแค่ไทยประเทศเดียวในกลุ่มนี้ ที่ยังเกิน 30% ซึ่งจะมีนัยในระยะสั้น ระยะยาว กับเศรษฐกิจไทยอย่างยิ่ง

อีกมุมหนึ่งจาก นายกรณ์ จาติกวณิช อดีต รมว.คลัง โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก อ่านเกมนี้ในกรณีของไทย 1.ยังมีเวลาเจรจาต่อรองได้จริงก่อน 1 ส.ค.
2.ข้อตกลงกับเวียดนามเป็นฐานในการเจรจา
3.หากไทยไม่เสนอเปิดตลาด 0% ไม่น่าจะมีดีลได้ หรือถ้าดีลได้คือต้องโดนอัตราภาษีที่สูงกว่าทั้งอินโดนีเซียและเวียดนาม
4. ทรัมป์ประกาศว่าได้คุยตรงกับปราโบโว ซูเบียนโต ประธานาธิบดีอินโดนีเซีย ส่วน บองบอง มาร์กอส ประธานาธิบดี ฟิลิปปินส์ มีแผนเดินทางไปพบทรัมป์อาทิตย์หน้า ส่วนประเทศไทยยังไม่มีนายกรัฐมนตรีให้เขาคุยด้วย
5. พอ ASEAN ไม่ผนึกกำลังกัน อำนาจต่อรองของแต่ละประเทศแทบไม่มี เป็นบทพิสูจน์อีกครั้งในการขาดเอกภาพ (และแม้แต่มิตรภาพ) ในกลุ่ม ASEAN กันเอง
6. รัฐบาลไทยต้องตัดสินใจในสิ่งที่เป็นประโยชน์สูงสุดของคนไทยโดยรวม อย่ายอม lobbyist กลุ่มทุนใดๆ เป็นกรณีพิเศษ เป็นการตัดสินใจที่ยาก ขอเป็นกำลังใจ
7. จากนี้ไปยุทธศาสตร์การพัฒนาตัวเองสำคัญที่สุด อินโดนีเซียและเวียดนามพร้อมรับการแข่งขัน 0% แต่ไทยยังทำไม่ได้ ตรงนี้ต้องพัฒนาร่วมกัน
ไม่รู้จะลุ้นได้แค่ไหน ประเด็นหนึ่งที่ถูกอ้างถึง เรื่องเงื่อนไขด้านความมั่นคง ที่มีกระแสข่าวว่าถูกระบุเอาไว้ แม้มีความกังวลหลายอย่างว่าไทยต้องนำประเด็นความมั่นคงไปแลกกับโอกาสทางเศรษฐกิจผ่านการต่อรองลดภาษีตอบโต้
นักวิชาการด้านความมั่นคงและการต่างประเทศ อย่าง รศ.ดร.ปณิธาน วัฒนายากร ช่วงหนึ่งของการให้สัมภาษณ์ในรายการมุมการเมืองของไทยพีบีเอส ว่าไทยยังมีโอกาสดำเนินการลดทอนความกังวลเหล่านั้นได้ จากพื้นฐานที่มีความร่วมมืออยู่เดิม ไม่จำเป็นต้องให้ตั้งฐานทัพเชิงรุก แต่เป็นการปฏิบัติการทางทหารในลักษณะอื่นๆ ทั้งทางลับและไม่ลับตามสถานการณ์ เพราะช่วงที่ผ่านมาความใกล้ชิดกับจีนทำให้สัมพันธ์กับสหรัฐฯ ห่างเหินไป แต่หากฟื้นกลับมาด้วยยุทธศาสตร์ที่เคยประกาศไว้ที่สิงคโปร์เมื่อ 6-7 ปีก่อนนำมาใช้อย่างจริงจังก็ทำได้
อ่านข่าว :
"ทรัมป์" ส่งสัญญาณไม่สะบั้นสัมพันธ์ "ปูติน"