วันนี้ (14 ก.ค.2568) โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว FOX News สื่อท้องถิ่นอเมริกัน ระบุว่า ขณะนี้มีบางประเทศกำลังไม่พอใจอย่างมาก เพราะพวกเขาเอาเปรียบสหรัฐฯ มานาน 30-40 ปีแล้ว และเขาก็หยุดมัน และคาดว่าสถานการณ์จะดีขึ้นกว่านี้ เงินจะไหลเข้า ภาษีนำเข้าหลายแสนล้านดอลลาร์กำลังไหลเข้า ทุกอย่างกำลังหลั่งไหลเข้ามา
นอกจากนี้ในช่วงต้นของการให้สัมภาษณ์นี้ผู้นำสหรัฐฯ ยังระบุว่า ตนได้แก้ปัญหานาโตไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้วด้วย ท่าทีนี้ของผู้นำสหรัฐฯ มีขึ้นหลังจากที่เพิ่งประกาศเก็บภาษีนำเข้าจากสหภาพยุโรปและเม็กซิโกในอัตราร้อยละ 30 โดยจะเริ่มมีผลในวันที่ 1 ส.ค.นี้
โดยในหนังสือที่ส่งถึงผู้นำเม็กซิโก ทรัมป์ยอมรับว่า เม็กซิโกให้ความช่วยเหลือในการสกัดกั้นการหลั่งไหลของผู้อพยพผิดกฎหมายและสารเฟนทานิลเข้าสู่สหรัฐฯ แต่ระบุด้วยว่า ยังไม่เพียงพอ และสหรัฐฯ จะเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากเม็กซิโกในอัตราร้อยละ 30 ซึ่งเพิ่มจากเดิมที่กำหนดไว้ที่ร้อยละ 25
ส่วนในหนังสือที่ส่งถึงเออร์ซูลา ฟอน เดอร์ เลเยน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป ทรัมป์ระบุว่า การขาดดุลการค้าของสหรัฐฯ ต่ออียู ถือเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของชาติ พร้อมกำหนดอัตราภาษีนำเข้าจากอียูที่อัตราร้อยละ 30 เช่นกัน ซึ่งเพิ่มจากเดิมที่กำหนดไว้ที่ร้อยละ 20 โดยอ้างเรื่องการขาดดุลการค้าและนโยบายกีดกันสินค้าอเมริกันของอียู
อียูเลื่อนตอบโต้ภาษีทรัมป์
ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป ระบุว่า สหภาพยุโรปต้องการหาทางออกโดยการเจรจาเกี่ยวกับการค้ากับสหรัฐฯ และอียูจะขยายระยะเวลาการระงับมาตรการตอบโต้ภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ ออกไปจนถึงต้นเดือน ส.ค. แต่ขณะเดียวกันก็ยืนยันว่าได้มีการเตรียมพร้อมมาตรการดังกล่าวไว้แล้ว
นี่ถือเป็นการเลื่อนมาตรการดังกล่าวออกไปอีกครั้ง ซึ่งเดิมทีมาตรการตอบโต้มีกำหนดจะเริ่มในวันอังคารนี้ หลังระงับไว้ตั้งแต่เดือน มี.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งมาตรการดังกล่าวมีขึ้นเพื่อตอบโต้การขึ้นภาษีนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียมของประธานาธิบดีสหรัฐฯ
ขณะที่ฟรีดริซ แมร์ซ นายกรัฐมนตรีเยอรมนี ให้สัมภาษณ์ระบุว่า ตนจะทำงานร่วมกับเอมมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส และประธานคณะกรรมาธิการยุโรปเพื่อแก้ไขสงครามการค้าที่กำลังทวีความรุนแรงขึ้นกับสหรัฐฯ และเสริมว่าตนได้พูดคุยกับโดนัลด์ ทรัมป์ เกี่ยวกับเรื่องนี้แล้ว เราต้องการใช้ช่วงเวลานี้ สองสัปดาห์ครึ่งจนถึงวันที่ 1 ส.ค. เพื่อหาทางออก ซึ่งตนมุ่งมั่นที่จะทำเช่นนี้จริงๆ
นอกจากนี้ผู้นำเยอรมนียังระบุว่า เศรษฐกิจเยอรมนีจะได้รับผลกระทบอย่างหนักจากมาตรการภาษีนำเข้า ซึ่งตนกำลังพยายามอย่างเต็มที่เพื่อให้แน่ใจว่าสหรัฐฯ จะไม่เก็บภาษีนำเข้าร้อยละ 30 ขณะนี้จำเป็นต้องมีเอกภาพในยุโรปและต้องมีการพูดคุยอย่างมีเหตุผลกับประธานาธิบดีสหรัฐฯ แต่ก็ยืนยันว่ามาตรการตอบโต้ต่างๆ ยังไม่ควรถูกตัดออกไป พร้อมแสดงความเห็นด้วยกับมาตรการตอบโต้ภาษีนำเข้าตามที่ฝรั่งเศสเสนอ แต่มองว่าต้องไม่ใช่การบังคับใช้ก่อนวันที่ 1 ส.ค.นี้
ก่อนหน้านี้ เอมมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส ประณามคำขู่ของทรัมป์ที่จะขึ้นภาษี พร้อมเรียกร้องให้อียูปกป้องผลประโยชน์ของตนเอง และเตรียมมาตรการตอบโต้หากไม่สามารถบรรลุข้อตกลงกับสหรัฐฯ ได้ทันวันที่ 1 ส.ค.นี้
ขณะที่นักวิเคราะห์ด้านการตลาดจากเยอรมนี มองว่า หากมาตรการการเรียกเก็บภาษีของทรัมป์มีผลบังคับใช้ อาจส่งผลให้ยุโรปเข้าใกล้ภาวะเศรษฐกิจถดถอย ซึ่งนั่นเป็นสถานการณ์ที่ยุโรปควรพยายามหลีกเลี่ยง และแม้ว่าจะมีเสียงเรียกร้องจากบางฝ่ายให้ยุโรปใช้มาตรการที่เข้มงวด แต่นักวิเคราะห์คนนี้มองว่า ไม่ใช่ทางเลือกที่ดี เพราะสงครามการค้าที่ยืดเยื้อไม่ได้เป็นประโยชน์ต่อใครเลยและการเปิดสงครามการค้าในขณะนี้จะส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจยุโรปที่ยังไม่แน่นอนในขณะนี้
โดยอียูยังพอมีทางเลือกอยู่บ้างสองสามทาง เช่น การลดภาษีนำเข้าสินค้าสหรัฐฯ ในบางพื้นที่ และเพิ่มปริมาณการซื้อสินค้าในบางพื้นที่ รวมไปถึงที่เป็นที่รู้กันดีว่า สหภาพยุโรปกำลังเพิ่มงบประมาณด้านกลาโหม ดังนั้นทำไมถึงไม่เสนอซื้อยุทโธปกรณ์จากสหรัฐฯ เพิ่มเติม ซึ่งเขาคิดว่าอาจเป็นสิ่งที่จะช่วยในการเจรจาครั้งนี้ได้
อียูเกินดุลการค้ากับสหรัฐฯ รวมกว่า 236,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยมีเพียงจีนเท่านั้นที่เกินดุลการค้ากับสหรัฐฯ ในมูลค่าสูงกว่านี้ และในบรรดาสมาชิกอียู ชาติที่เกินดุลมากที่สุดคือไอร์แลนด์ ที่ 86,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จากการเป็นที่ตั้งของบริษัทยารายใหญ่จากสหรัฐฯ รวมถึงบริษัทด้านเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ต่างๆ
ขณะที่ข้อมูลจากกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ชี้ว่า ชุดคำสั่งด้านภาษีของทรัมป์นับตั้งแต่กลับเข้าทำเนียบขาว ได้เริ่มสร้างรายได้ใหม่ให้กับรัฐบาลสหรัฐฯ หลายหมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อเดือน โดยรายได้จากภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ พุ่งทะลุ 100,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปีงบประมาณของรัฐบาลกลางที่สิ้นสุดในเดือน มิ.ย.
เม็กซิโกเดินหน้าเจรจาสหรัฐฯ หลังโดนภาษี 30%
ส่วนความเคลื่อนไหวในฟากฝั่งเม็กซิโก กระทรวงการต่างประเทศเม็กซิโกออกแถลงการณ์ร่วมกับกระทรวงเศรษฐกิจ ระบุว่า การตั้งอัตราภาษีนำเข้าสินค้าเม็กซิโกไปยังสหรัฐฯ ที่ร้อยละ 30 ของผู้นำสหรัฐฯ เป็นข้อตกลงที่ไม่ยุติธรรม โดยเม็กซิโกได้แจ้งต่อสหรัฐฯ ระหว่างการเจรจาแล้วว่า ไม่ยอมรับอัตราภาษีนี้ พร้อมระบุว่า อำนาจอธิปไตยของประเทศไม่ใช่สิ่งที่จะหยิบยกมาเจรจาได้
ขณะที่คลอเดีย เชนบาวม์ ประธานาธิบดีเม็กซิโก ระบุว่า รัฐบาลเดินหน้าจะบรรลุข้อตกลงกับรัฐบาลทรัมป์ต่อไป โดยการหารือจะทำให้สถานการณ์ของเม็กซิโกดีขึ้นภายในวันที่ 1 ส.ค.นี้ ก่อนอัตราภาษีนำเข้าใหม่จะมีผลบังคับใช้
ปัจจุบันเม็กซิโกมีสหรัฐฯ เป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่สุด รวมถึงการส่งออกสินค้าที่เข้าไปยังสหรัฐฯ มากถึงร้อยละ 80
อ่านข่าว :
"ทรัมป์" ขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากแคนาดา 35% เริ่ม 1 ส.ค.
"ทรัมป์" ร่อนหนังสือแจ้งภาษีนำเข้าอีก 8 ประเทศ รีดบราซิล 50%