วันนี้ (16 ธ.ค.2568) กองทัพบก เปิดคลิปทหารไทยร้องเพลงชาติ เสียงดังกึกก้อง ที่ช่องอานม้า อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี ภายหลังควบคุมพื้นที่ไว้ได้ทั้งหมด
สำหรับช่องอานม้า เป็นสมรภูมิหนึ่งที่ทหารไทยกับทหารกัมพูชาปะทะกันหนัก จนสุดท้ายทหารไทยสามารถควบคุมคืนพื้นที่อธิปไตยของไทยกลับมาได้ พร้อมยึดอาวุธยุทโธปกรณ์ของฝ่ายกัมพูชาได้จำนวนมาก
ก่อนหน้านี้ เมื่อเวลา 11.00 น.ของวันนี้ ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 สรุปสถานการณ์ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา จากการประเมินสถานการณ์ในภาพรวมในห้วง 8 วันที่ผ่านมา ฝ่ายกัมพูชาปรับเปลี่ยนรูปแบบการปฏิบัติการอย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางแรงกดดันจากการปฏิบัติของฝ่ายไทยในหลายพื้นที่สำคัญ โดยมีแนวโน้มการปฏิบัติการทางทหารต่อฝ่ายไทยในห้วงเวลา ดังนี้
พื้นที่ช่องบก ฝ่ายกัมพูชาเร่งเสริมความแข็งแรงของที่มั่น ปรับกำลังเข้าสู่การตั้งรับเต็มรูปแบบ มีเป้าหมายชัดเจนในการยึดตรึงกำลังฝ่ายไทย และชะลอการรุกให้ได้นานที่สุด
พื้นที่ช่องอานม้า ฝ่ายกัมพูชาประสบปัญหาการบังคับบัญชาอย่างรุนแรง สถานการณ์บีบคั้นจนมีแนวโน้มต้องถอนตัวไปยังแนวต้านทานที่ 2 มิฉะนั้นอาจถูกตัดขาดโดยสมบูรณ์
พื้นที่สัตตะโสม-โดนตรวล-ซำแต ฝ่ายกัมพูชาใช้การยิงสนับสนุนแบบ “ยิงแล้วย้ายฐาน” เพื่อลดความเสี่ยงจากการยิงโต้ตอบของฝ่ายไทย สะท้อนถึงความพยายามเอาตัวรอดท่ามกลางการครองอำนาจการยิงของฝ่ายไทย
พื้นที่ห้วยตามาเรีย ฝ่ายกัมพูชาจำกัดการเคลื่อนไหว ซ่อนพรางกำลังและยุทโธปกรณ์อย่างเข้มงวด เพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจจับและการทำลายจากอำนาจการยิงของฝ่ายไทย
พื้นที่ภูมะเขือ จุดตรวจการณ์สำคัญแห่งนี้ถูกฝ่ายกัมพูชาระดมยิงกดดันอย่างต่อเนื่องเพื่อจำกัดการตรวจการณ์และการชี้เป้าของฝ่ายไทย
พื้นที่ช่องจอม-ช่องระยี-ปลดต่าง เส้นทางส่งกำลังบำรุงของฝ่ายกัมพูชาถูกตัดขาดอย่างมีนัยสำคัญ พื้นที่ส่วนหลังเริ่มมีความเสี่ยง ซึ่งถือเป็นปัจจัยวิกฤตต่อการดำรงกำลังในพื้นที่แนวหน้า
พื้นที่ช่องคนา ฝ่ายกัมพูชาพยายามรวมอำนาจการยิงด้วยจรวดหลายลำกล้อง BM-21 เพื่อยิงรบกวน แต่การปฏิบัติดังกล่าวมีความเสี่ยงสูงต่อการถูกตรวจจับและทำลายของฝ่ายไทย
พื้นที่ปราสาทตาควาย-เนิน 350 ฝ่ายกัมพูชามีแนวโน้มดำรงการรบแบบหน่วงเวลา ใช้ที่มั่นดัดแปลงแข็งแรงและยุทธวิธีซุ่มโจมตี เพื่อยึดตรึงกำลังฝ่ายเราและซื้อเวลา
พื้นที่ช่องกร่าง ฝ่ายกัมพูชายิงฉากป้องกันตามคำขอ เพื่อขัดขวางการรุกของฝ่ายไทย เมื่อเข้าสู่พื้นที่สังหาร ทำให้เมื่อคืนที่ผ่านมาฝ่ายไทยได้รับความสูญเสีย
พื้นที่ปราสาทตาเมือน ฝ่ายกัมพูชาสูญเสียขีดความสามารถในการรบอย่างชัดเจน จากการขาดแคลนอาวุธ กระสุน วัตถุระเบิด และยานเกราะ มีแนวโน้มต้องถอนตัว หรืออาจเลือกต้านทานเป็นระลอกสุดท้าย เพื่อรักษาเกียรติภูมิของหน่วย
ทั้งนี้ แจ้งเตือนประชาชนหากพบวัตถุต้องสงสัยคล้ายซากโดรน และวัตถุที่ตกจากโดรนห้ามเข้าใกล้โดยเด็ดขาด เพราะพบว่ามีการดัดแปลงเป็นระเบิดแสวงเครื่อง ซึ่งสามารถทำงานได้ทั้งจากถูกแรงกระทบ และสั่งระเบิดจากระยะไกลรวมทั้งระบบไฟฟ้าสถิตในพื้นที่ จนทำให้เกิดการระเบิด หากพบเห็นให้แจ้งเจ้าหน้าที่ทันทีหรือสายด่วนความมั่นคง 1374