วันนี้ (26 ธ.ค.2568) ศาลสูงมาเลเซีย มีกำหนดอ่านคำพิพากษาคดีทุจริตกองทุนเพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจระยะยาวของมาเลเซีย (1MDB) ของนาจิบ ราซัค อดีตนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย วัย 72 ปี ซึ่งเกี่ยวข้องกับเงินจำนวนมหาศาลถึง 2.28 พันล้านริงกิต หรือประมาณ 1.9 หมื่นล้านบาท
คำพิพากษาวันนี้จะเป็นการตัดสินคดีครั้งสุดท้าย ในการดำเนินการทางกฎหมายที่ยืดเยื้อมากว่า 7 ปี โดยนาจิบเผชิญข้อหาใช้อำนาจในทางมิชอบ 4 กระทงและฟอกเงินอีก 21 กระทง จากการยักยอกเงินกองทุนของรัฐเข้าบัญชีส่วนตัวเมื่อกว่าสิบปีก่อน
หากศาลตัดสินว่ามีความผิด นาจิบอาจต้องรับโทษจำคุกเพิ่มขึ้นอีกหลายปี ต่อเนื่องจากโทษจำคุก 6 ปีที่กำลังรับโทษอยู่ในปัจจุบันจากคดีที่เกี่ยวข้องกับบริษัทลูกของ 1MDB
อดีตนายกฯ มาเลเซีย เดินทางไปศาลสูงกัวลาลัมเปอร์ เมื่อวันที่ 22 ธ.ค.2568 เพื่อขอให้ศาลมีคำพิพากษาอนุญาตให้เขาถูกกักบริเวณในบ้าน แทนการถูกจำคุกในเรือนจำเป็นเวลา 6 ปี
ตลอดการพิจารณาคดีที่ยาวนาน ฝ่ายอัยการนำเสนอหลักฐานสำคัญทั้งบันทึกทางการเงินและพยานบุคคลกว่า 50 ปาก เพื่อชี้ให้เห็นว่านาจิบคือผู้มีอำนาจตัดสินใจสูงสุดและใช้ตำแหน่งหน้าที่ทั้งในฐานะนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีคลัง เพื่อเอื้อประโยชน์ให้มีการยักยอกเงิน
ขณะที่ฝ่ายจำเลยพยายามโต้แย้งว่า นาจิบตกเป็นเหยื่อของการหลอกลวง โดยนายโจ โลว์ นักธุรกิจผู้ฉาวโฉ่ที่ยังคงหลบหนีคดีอยู่ โดยอ้างว่าเงินที่โอนเข้าบัญชีเป็นเพียงเงินบริจาคจากตะวันออกกลางและนาจิบไม่มีส่วนรู้เห็นกับการกระทำผิดของทีมบริหารกองทุน
กองทุน 1MDB (1Malaysia Development Berhad) หรือกองทุนเพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจระยะยาวของมาเลเซีย ถูกก่อตั้งขึ้นโดยนาจิบ ราซัค ในปี 2552 มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นกองทุนความมั่งคั่งของรัฐเพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจ แต่กลับกลายเป็นจุดเริ่มต้นของมหากาพย์ทุจริตสะเทือนโลก
เมื่อมีการเปิดเผยข้อมูลในปี 2558 ว่าเงินจำนวนมหาศาลหายไปจากกองทุน และกลายเป็นภาระหนี้สินมหาศาลหลังจากการเลือกตั้งปี 2556 ความโกรธแค้นของประชาชนต่อกรณีนี้ได้ส่งผลให้มหาธีร์ โมฮัมหมัด ชนะการเลือกตั้งในปี 2561 และนำไปสู่การขุดรากถอนโคนเพื่อสอบสวนนายนาจิบและผู้ที่เกี่ยวข้องอย่างจริงจัง
อ่านข่าว
ทบ.เปิดข้อมูลพบ PMN-2 อีก 4 ทุ่น ใกล้จุดทหารไทยเหยียบกับระเบิด
“ปิดช่องคานม้า-ยึดเนิน 225” เผด็จศึกกัมพูชา สถาปนาอำนาจรัฐไทย
จับตา! ฟิลิปปินส์ก้าวสู่ ปธ.อาเซียน 2026 ท่ามกลางวิกฤตไทย-กัมพูชาและเมียนมา











