วันนี้ (27 ธ.ค.2568) พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมว.กลาโหม แถลงข่าวภายหลังการลงนามข้อตกลง การประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา (GBC) ที่ จ.จันทบุรี ว่าตลอดช่วงเวลาการปะทะตามแนวชายแดนที่ผ่านมารัฐบาลและกองทัพได้ปฏิบัติหน้าที่ภายใต้หลักการที่ชัดเจนและไม่เคยเปลี่ยนแปลง คือการปกป้องอธิปไตยความปลอดภัยของประชาชนและเกียรติภูมิของประเทศชาติ
ขอเรียนอย่างตรงไปตรงมาว่าสถานการณ์ครั้งนี้เริ่มต้นจากการใช้อาวุธของกัมพูชา ซึ่งส่งผลให้กำลังพลของเราได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต กองทัพจึงจําเป็นต้องตอบโต้ภายใต้สิทธิ์ในการป้องกันตนเองตามกฎหมายระหว่างประเทศและภายใต้หลักการทางทหารสากลอย่างเคร่งครัด
สำหรับการพิจารณาหยุดยิง ไทยกำหนดเงื่อนไขที่ชัดเจน 3 ประการ ดังนี้
1. ต้องมีการประกาศหยุดยิงอย่างเป็นทางการและจริงใจ ซึ่งฝ่ายกัมพูชาได้ประกาศไว้ต่อที่ประชุม รมต.อาเซียน ว่าจะขอให้มีการหยุดยิง ตั้งแต่วันที่ 22 ธ.ค.2568 เวลา 22.00 น. โดยไม่มีเงื่อนไข แต่ไทยพิจารณาแล้วเห็นว่าการหยุดยิงต้องเกิดจากความจริงใจของทั้ง 2 ฝ่าย จึงเป็นที่มาของการประชุม GBC ครั้งนี้ และมีการจัดทำแถลงการณ์ร่วมระหว่างไทยกัมพูชา เพื่อใช้เป็นหลักการสำคัญในการแก้ปัญหาระหว่าง 2 ประเทศแบบทวิภาคี
2. การหยุดยิงต้องเกิดขึ้นจริงและต่อเนื่อง ทั้ง 2 ฝ่ายจึงได้ร่วมกันกำหนดมาตรการสำคัญ ได้แก่ ให้ทั้ง 2 ฝ่ายหยุดยิงตั้งแต่เวลา 12.00 น.ของวันนี้ (27 ธ.ค.) และที่สำคัญให้ทั้ง 2 ฝ่ายยังคงกำลังทหารในพื้นที่ระดับปัจจุบัน โดยต้องไม่มีการเคลื่อนย้ายหรือเสริมกำลัง ไม่มีการโจมตีหรือยั่วยุซ้ำ และให้เฝ้าสังเกตการณ์การหยุดยิงเป็นเวลา 72 ชั่วโมง เพื่อยืนยันว่าการหยุดยิงเกิดขึ้นจริงและมีความต่อเนื่องก็ต่อเมื่อสถานการณ์สงบลง ประชาชนกลับที่พักอาศัยได้อย่างปลอดภัย จากนั้นจะมีการปล่อยตัวทหารกัมพูชาทั้ง 18 นาย ซึ่งเป็นไปตามหลักสากลที่กำหนดให้ปล่อยตัวเมื่อสิ้นสุดความเป็นปรปักษ์
นอกจากรายงานผลการปฏิบัติการทางทหารกองทัพสามารถควบคุมภูมิประเทศสำคัญที่กระทบต่อประชาชนตามที่กำหนดไว้แล้ว การเสียสละเลือดเนื้อและชีวิตของทหารไทยหลายนายในครั้งนี้จะต้องไม่สูญเปล่า แต่ขณะเดียวกันเราต้องคำนึงปัจจัยระดับยุทธศาสตร์ด้านอื่นๆ เช่น ด้านเศรษฐกิจ ภาพลักษณ์ และความชอบธรรมของประเทศไทยในเวทีระหว่างประเทศที่สำคัญอย่างยิ่งในฐานะที่ตนเป็นผู้บังคับบัญชาที่ตระหนักอยู่เสมอ คือชีวิตและเลือดเนื้อของทหารที่ต้องเสียสละเพื่อพิทักษ์ไว้อธิปไตยของชาติ แต่ในฐานะที่ตนเคยเป็นทหารมาก่อน ย่อมรู้ดีว่าทหารทุกนายถือว่าการปกป้องประเทศชาติเป็นหน้าที่และเป็นเกียรติสูงสุด แม้จะต้องเสียสละเลือดเนื้อและชีวิต
สำหรับกลไกที่จะนำไปสู่การปฏิบัติจริงและการตรวจสอบการปฏิบัติ ได้แก่คณะผู้สังเกตการณ์อาเซียนหรือ AOT ซึ่งเป็นกลไกตามความร่วมมือของอาเซียนในการรักษาความมั่นคงของภูมิภาค และสำนักงานประสานงานชายแดนของทั้ง 2 ประเทศ ซึ่งเป็นกลไกระดับพื้นที่
ขณะเดียวกันในระดับนโยบายจะมีการสื่อสารโดยตรงผ่านสายด่วนระหว่าง รมว.กลาโหมและผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) ของทั้ง 2 ฝ่ายในกรณีจำเป็น ผู้แทนระดับสูงทั้ง 2 ฝ่ายจะลงพื้นที่เพื่อแก้ไขปัญหาร่วมกัน
นอกจากนี้ยังได้กำหนดให้ทีมสื่อสารทั้ง 2 ประเทศทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดเพื่อปกป้องข่าวบิดเบือนและให้ข้อมูลที่ถูกต้องแก่ประชาชน ซึ่งต้องยอมรับว่าข่าวบิดเบือนข่าวปลอมและข่าวยั่วยุที่เกิดขึ้นทั้ง 2 ฝ่ายทำให้แก้ไขปัญหาในทุกระดับมีความยาก ขึ้นมาโดยตลอด
3. ต้องมีเจตนาถึงความตั้งใจอย่างสุจริตในการแก้ปัญหาทุ่นระเบิด ดังนั้นทั้ง 2 ฝ่ายจึงเห็นพ้องในแนวทางลดความตึงเครียดและกำหนดกลไกปฏิบัติที่ชัดเจนผ่านคณะทำงานร่วมด้านการเก็บกู้ทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรม พร้อมย้ำว่าจะต้องเก็บกู้ทุ่นระเบิดแล้วแล้วเสร็จและทำให้พื้นที่มีความปลอดภัย ก่อนที่จะมีการสำรวจและจัดทำหลักเขตในระยะถัดไป
นอกจากเงื่อนไข 3 ประการที่จะทำให้การหยุดยิงเกิดขึ้นได้จริงและต่อเนื่องแล้ว ข้อตกลงฉบับนี้ยังคงรักษาสาระสำคัญตามข้อตกลงทวิภาคีระหว่างไทย-กัมพูชาคือการปฏิบัติตามอนุสัญญาออตตาวา การป้องกันปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ อาชญากรรมไซเบอร์ และการค้ามนุษย์ ซึ่งจะต้องมีการดำเนินการต่อเนื่องต่อไป
พล.อ.ณัฐพล กล่าวย้ำว่า สำหรับประชาชนชาวไทยเข้าใจถึงความรู้สึกโกรธเจ็บปวดและห่วงใยชาติบ้านเมือง รัฐบาลไม่เคยมองข้ามเสียงเหล่านี้ และไม่ได้ประมาทบทเรียนจากความสูญเสียที่ผ่านมา ขอแสดงความเคารพอย่างสูงสุดต่อกำลังพลทุกนายที่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความกล้าหาญ อดทนเสียสละ รวมถึงครอบครัวของผู้ที่ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต การสูญเสียของท่านไม่ได้เป็นเพียงตัวเลขในรายงาน แต่เป็นความรับผิดชอบโดยตรงของรัฐบาลที่จะดูแลเรื่องสิทธิสวัสดิการ เยียวยา การดูแลผู้บาดเจ็บและครอบครัวในระยะยาว รวมถึงการพิจารณาดูแลกำลังพลหลังการรบด้วยความจริงจังต่อเนื่องและเร่งด่วน
ขอยืนยันต่อประชาชนและกำลังพลทุกนายว่า การหยุดยิงในครั้งนี้ เปิดโอกาสให้ใช้วิธีแก้ปัญหาโดยสันติวิธีในเวทีทางการทูตเพื่อกลับเข้ามาสู่การแก้ไขปัญหาร่วมกันอีกครั้ง รัฐบาลและกองทัพจะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ตัดสินใจทุกขั้นตอนบนข้อเท็จจริง โดยยึดถืออธิปไตยศักดิ์ศรีของชาติ ความปลอดภัย และการใช้ชีวิตปกติของประชาชน ขอบคุณทหารทุกนายและประชาชนชาวไทยที่ยืนหยัดเคียงข้างประเทศชาติและกองทัพไทยด้วยความเข้าใจและเข้มแข็งในช่วงเวลาสำคัญของประเทศชาตินี้
อ่านข่าว :
สมช.ชง ครม.เพิ่มงบฯ เยียวยาเหตุปะทะชายแดน วงเงิน 577 ล้าน
ไทย-กัมพูชาลงนามหยุดยิง ตั้งแต่ 12.00 น.วันนี้ เปิดถ้อยแถลง 16 ข้อ
สรุปสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา ทัพภาคที่ 2 เผย หลายพื้นที่ยังตึงเครียด











