เครือข่ายกลุ่มคนรักหลักประกันสุขภาพภาคตะวันตก แถลงต้านกลุ่มธุรกิจในบอร์ด สปสช.

สังคม
8 ก.พ. 55
05:57
10
Logo Thai PBS
เครือข่ายกลุ่มคนรักหลักประกันสุขภาพภาคตะวันตก แถลงต้านกลุ่มธุรกิจในบอร์ด สปสช.

สภาพคนไทยในอดีต คนที่ไม่มีเงินพาผู้ป่วยไปรักษาก็ต้องปล่อยนอนรอความตายไปเองทั้งที่บางโรคสามารถรักษาให้หายได้ หรือในกรณีที่ไปโรงพยาบาลแล้วมีเงินไม่พอจ่ายค่ายา ก็จะถูกเทยาออก และจ่ายยาให้ตามจำนวนเงินที่มี หรือไม่ก็ต้องเข้าไปกราบกราน ขอร้องให้หมอช่วยเซ็น ส่งตัวไปที่ห้องสังคมสงเคราะห์ แล้วก็ต้องเข้าไปนั่งก้มหน้าตัวลีบให้เจ้าหน้าที่ซักประวัติ และว่ากล่าวที่ทำไมถึงจน กว่าจะได้ยามากินศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์แทบไม่มี

เครือข่ายกลุ่มคนรักหลักประกันสุขภาพภาคตะวันตก ออกแถุลงการณ์วันที่  8 กุมภาพันธ์  2555 ระบุว่า ตลอดระยะเวลา 10 ปีที่ประเทศไทย มีระบบหลักประกันสุขภาพ (สปสช.) หรือ 30 บาทรักษาทุกโรค ทำให้คนไทยกว่า 48 ล้าน เข้าถึงการรักษาพยาบาล อย่างมีศักดิ์ศรี ตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด   เจ็บป่วยก็สามารถกด1669 เรียกรถฉุกเฉินไปรับถึงบ้านได้ มีการพัฒนาสิทธิประโยชน์ให้ประชาชนเข้าถึงการรักษาพยาบาลในทุกโรคที่มีค่าใช้จ่ายสูงโดยการจัดตั้งกองทุนขึ้นมาสนับสนุน ทำให้การบริการด้านสาธารณสุขของไทยมีความครอบคลุมในการดูแลรักษาที่จำเป็นสำหรับประชาชนกลุ่มต่างๆมากขึ้น ซึ่งประเทศร่ำรวยอย่างสหรัฐอเมริกายังต้องมาดูเป็นแบบอย่าง นอกจากนี้การดำเนินการของ สปสช. ที่ผ่านมายังสามารถยกเลิกการเก็บเงินสมทบ 30 บาท เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมและเท่าเทียมกันแก่ประชาชนทุกคน รวมทั้งมีการส่งเสริมให้ประชาชนมีส่วนร่วมอย่างกว้างขวาง เป็นรูปธรรม เรียกได้ว่าระบบหลักประกันสุขภาพเป็นที่พึ่งของประชาชนอย่างแท้จริง จนทำให้เกิดความพึงพอใจของประชาชนที่อยู่ในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ และผู้ให้บริการมากขึ้นทุกปี โดยเห็นได้จากผลการสำรวจความพึงพอใจของประชาชนต่อนโยบายรัฐบาลที่ผ่านมาทุกปี และก็ส่งผลให้พรรคเพื่อไทยได้รับความนิยมและชนะเลือกตั้งเข้ามาจัดตั้งรัฐบาลอย่างต่อเนื่อง
 แต่ปัจจุบันมีข่าวเกี่ยวกับระบบหลักประกันสุขภาพ(สปสช.)จากกลุ่มคนหลายกลุ่ม ทั้งฝ่ายการเมือง  ฝ่ายคัดค้านระบบหลักประกันฯ ตั้งแต่ต้น และฝ่ายเสียผลประโยชน์ ทั้งบริษัทยาข้ามชาติ  และกลุ่มโรงพยาบาลเอกชนบางส่วน   ที่ออกมาปล่อยข่าวในแง่ลบ  ที่เป็นไปได้ว่ามีเป้าหมายที่จะล้มระบบหลักประกัน โดยการดำเนินการให้ระบบหลักประกันอ่อนแอลง  และยังมีการให้ข่าวเพื่อลดความน่าเชื่อถือ และทำลายระบบหลักประกันฯ โดยการประจานว่า สปสช. เป็นสาเหตุที่ทำให้หมอกับผู้ป่วยขัดแย้งกัน สปสช.ทำให้โรงพยาบาลขาดทุนฯลฯ และ สปสช. ทำให้หมอลาออก เป็นต้น

จากสถานการณ์ดังที่กล่าวมาข้างต้นพวกเรากลุ่มคนรักหลักประกันฯภาคตะวันตก ซึ่งประกอบด้วยเครือข่ายประชาชน 8 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดสมุทรสงคราม สมุทรสาคร กาญจนบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ราชบุรี นครปฐม เพชรบุรี และ สุพรรณบุรี  จึงได้ร่วมกันหาข้อมูล ว่าข้อกล่าวหานั้นจริงหรือไม่ อย่างไรซึ่งกลุ่มคนรักหลักประกันฯ ภาคตะวันตก มีข้อเท็จจริงจะมาแถลงดังนี้

1.เรื่องสปสช.ทำให้หมอกับผู้ป่วยขัดแย้งกันเป็นเรื่องมายาคติไม่เป็นความจริงเพราะภาพรวมประชาชนและหมอในภาคตะวันตกไม่มีความขัดแย้งกัน   แต่ในทางตรงกันข้ามกลับมีความร่วมมือกันในการพัฒนาระบบหลักประกันในหลายด้านร่วมกัน   ทั้งด้านสร้างเสริมสุขภาพ ด้านยา ด้านอาหารปลอดภัยฯลฯ  การมีระบบหลักประกันยังเป็นช่องทางให้ผู้ใช้บริการและผู้ให้บริการได้พูดคุยแลกเปลี่ยนทำความ เข้าใจกับผู้ให้บริการและผู้ใช้บริการในหลายส่วน  เช่น ช่องทางคณะอนุกรรมการหลักประกันสุขภาพเขต (อปสข.) อนุกรรมการบริหารระดับจังหวัด(อปสจ.) อนุกรรมการควบคุมคุณภาพมาตรฐานการให้บริการระดับจังหวัด อนุกรรมการมาตรา 41 ซึ่งทำให้เกิดการพูดคุยและสร้างความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันระหว่างหมอและประชาชน   การออกมาให้ข่าวว่าหมอกับคนผู้ป่วยขัดแย้งกันจึงเป็นเท็จ เพื่อมุ่งสร้างกระแสให้ผู้คนเข้าใจผิดต่อ สปสช. โดยมีเป้าหมายดึงการบริหารเงินแสนล้านกลับไปอยู่กระทรวงสาธารณะสุขเพื่อเป็นขุมทรัพย์ของคนบางพวกบางกลุ่มเหมือนก่อนที่มีระบบหลักประกันฯ ดังที่ได้เกิดกรณีการทุจริตการจัดซื้อยาดังที่เคยเป็นข่าวครึกโครมมาแล้ว

2.เรื่องสปสช.ทำให้โรงพยาบาลขาดทุน  ก็เป็นการกล่าวเท็จ  เพราะจากข้อมูลล่าสุดเดือนธันวาคม 2554   ที่ประเมินของ สปสช.เขต 5 ราชบุรี   มีสถิติชัดเจนว่า โรงพยาบาลในภาคตะวันตก  ไม่มีโรงพยาบาลไหนขาดทุน  หรือขาดสภาพคล่อง   ทั้งๆที่ภาคตะวันตกมีโรงพยาบาลจำนวนมาก  แต่มีประชากรน้อย  ซึ่งเป็นภาคที่สุ่มเสี่ยงต่อการขาดทุนของโรงพยาบาล มากกว่าภาคอื่นๆ  ดังนั้นการออกมากล่าวอ้างว่าโรงพยาบาลขาดทุนจึงเป็นเรื่องโกหกกลางอากาศ   เพื่อหวังผลที่ต้องการลดความน่าเชื่อถือในการบริหารจัดการเงินของ สปสช.  แสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ของกลุ่มคนดังกล่าว ว่ามีแนวคิดล้าหลังไม่ยอมรับความเสมอภาคและเท่าเทียมด้วยความเป็นมนุษย์ของทุกคนเหมือนกัน  แต่ยังคงยึดแนวคิดแยกชนชั้นกดหัวคนจนเหมือนเดิม

3.เรื่อง สปสช.ทำให้หมอลาออก   เรื่องนี้ต้องให้เป็นเรื่องที่กระทรวงสาธารณสุข  ต้องออกมาให้ข้อมูลถึงสาเหตุที่หมอลาออกว่าเป็นเพราะ เหตุใด ? เพราะ สปสช.จริงหรือไม่   หรือ เป็น เพราะนโยบายของรัฐบาลที่เปิดให้ประเทศไทยเป็น Medical hub  (เป็นศูนย์กลางทางการแพทย์ในอาเซียน )ซึ่งทำให้เกิดการแปรรูประบบการรักษาพยาบาลไปสู่ธุรกิจในตลาดหลักทรัพย์   โรงพยาบาลเอกชนเติบโตขึ้นอย่างไร้ขีดจำกัด     จนทำให้จ้าของโรงพยาบาลเอกชนรวยติดอันดับต้นๆของประเทศ   และโรงพยาบาลเอกชนนี้หรือไม่ที่เป็นต้นเหตุให้หมอในระบบหลักประกันลดลง    ดังนั้นเรื่องหมอลาออก เป็นหน้าที่ของ สธ. ในการบริหารจัดการบุคลากรทางการแพทย์ ไม่ใช่หน้าที่ สปสช.

จากสถานการณ์ และข้อเท็จจริงที่กล่าวมาทั้งหมดพวกเรา กลุ่มคนรักหลักประกันภาคตะวันตกขอยืนยันว่าจะไม่ยอมให้  คนกลุ่มไหนมาทำให้ระบบหลักประกันฯ สั่นคลอน  อ่อนแอและถูกทำลาย  พวกเราจึงได้รวมตัวกันในวันนี้ เพื่อเรียกร้องดังต่อไปนี้

1. ขอ ให้นายกฯรัฐมนตรี นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร  ในฐานะ หัวหน้าฝ่ายบริหารราชการแผ่นดินเข้ามาดูแลเรื่องนี้อย่างจริงจัง   อย่าปล่อยให้รัฐมนตรี และพวกพ้อง  บริหารจัดการตามอำเภอใจ  จนเข้าข่ายดังที่มีข่าวออกมาว่าพรรคเพื่อไทยกำลังเข้าไปสู่ภาวะเขียนด้วยมือลบด้วยเท้า

2.  ขอให้รัฐบาลที่นำโดยพรรคเพื่อไทยเน้นการพัฒนาระบบสุขภาพในประเทศไทย ให้ ลด ความเหลื่อมล้ำ ทำให้ระบบสุขภาพทั้ง 3 ระบบ  เป็นระบบสุขภาพมาตรฐานเดียว    ซึ่งจะทำให้พรรคเพื่อไทยได้รับความนิยมตลอดไป

3. ขอให้รัฐมนตรีออกมาตอบคำถาม 8 ข้อของชมรมแพทย์ชนบท เพื่อสร้างความกระจ่างให้กับประชาชน   ให้ชัดเจนมากว่านี้ 

จากข้อเรียกร้องหากรัฐบาลยังนิ่งเฉย ไม่ดำเนินการใดๆ กลุ่มคนรักหลักประกันภาคตะวันตกจะร่วมกันกับเครือข่ายกลุ่มคนรักหลักประกันสุขภาพทุกภูมิภาคทั่วประเทศดำเนินการปกป้อง และคัดค้านการทำลายระบบหลักประกันสุขภาพอย่างเข้มข้นในทุกมิติทุกวีถีทาง  โดยเบื้องต้นได้มีการนัดหมายรวมตัวกันของกลุ่มคนรักหลักประกันสุขภาพในภาคตะวันตกอีกครั้ง  ในวันที่ 11 มีนาคม 2555    เพื่อปกป้องและรักษาระบบหลักประกันให้เป็นที่พึ่งของประชาชนต่อไป

 

 


ข่าวที่เกี่ยวข้อง