เกษตรกรเร่งแก้ปัญหาราคาผลไม้ตกต่ำในภาคเหนือ

ผลกระทบจากสภาพอากาศแปรปรวนทำให้มะม่วงพันธุ์ดีในจ.น่าน มีคุณภาพไม่ผ่านเกณฑ์ส่งออกไปยังตลาดต่างประเทศ ส่วนปัญหาราคาลิ้นจี่ตกต่ำ สำนักงานเกษตร จ.เชียงใหม่ ได้กระจายผลผลิตไปยังตลาดใหญ่หลายแห่งแล้ว ขณะที่ผู้ปลูกสับปะรด จ.ลำปาง ยอมยุติการชุมนุมหลังจังหวัดรับปากจะเข้าไปตั้งจุดรับซื้อผลผลิตในสัปดาห์ หน้า

สภาพอากาศแปรปรวนทั้งฝน และแดดจัดในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลให้มะม่วงพันธุ์เขียวเสวย,พิมเสน และน้ำดอกไม้ ของเกษตรกร ต.เมืองจัง อ.ภูเพียง จ.น่าน มีผลเล็กและผิวไม่สวย จนไม่ผ่านเกณฑ์ส่งออกไปยังตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศเวียดนาม ทำให้เกษตรกรจำใจขายในราคาถูกเพียง กิโลกรัมละ 5-10 บาท จากปกติที่เคยขายได้ถึงกิโลกรัมละ 15-16 บาท

ขณะที่นายสุรพล ทองเที่ยง หัวหน้ากลุ่มงานส่งเสริมและพัฒนาการผลิต สำนักงานเกษตร จ.เชียงใหม่ เปิดเผยความคืบหน้าในการแก้ไขปัญหาราคาลิ้นจี่ตกต่ำ ด้วยการกระจายผลผลิตผ่านวิสาหกิจชุมชน 31 กลุ่ม และสถาบันเกษตรกร อีก 3 แห่ง โดยที่ผ่านมาได้จัดส่งลิ้นจี่ไปยังตลาดใหญ่ ในพื้นที่ภาคกลาง ภาคตะวันออก และ ภาคใต้แล้ว จำนวน 6,200 ตัน ส่วนลิ้นจี่พันธุ์จักรพรรดิ์ ที่กำลังออกสู่ตลาด ทางเกษตร จ.เชียงใหม่ เตรียมปล่อยขบวนรถบรรทุก จาก อ.ฝาง ไปยังตลาดใหญ่หลายแห่ง โดยได้ประสานงานกับทุกผ่าย ให้ขนส่งผลผลิตให้ถึงที่หมายได้เร็วที่สุด เนื่องจากลิ้นจี่เป็นผลไม้ที่เน่าเสียง่าย

ในขณะที่เกษตรกรผู้ปลูกสับปะรดในเขต อ.เมืองลำปางกว่า 500 คนยอมสลายการชุมนุมแล้ว หลังจากรวมตัวกันปิดถนนซุปเปอร์ไฮเวย์สายลำปาง-งาว เพื่อกดดันให้ภาครัฐแก้ไขปัญหาราคาสับปะรดตกต่ำ โดยนายธวัชชัย เทิดเผ่าไทย ผู้ว่าราชการจังหวัดลำปางรับปากกับผู้ชุมนุมว่า จะรับซื้อผลผลิตและเปิดจุดรับซื้อในพื้นที่ภายสัปดาห์หน้า ส่วนข้อเสนอต่างๆ จะรับไปพิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอีกครั้ง