ส.ยุวมุสลิมฯเชื่อเหตุรุนแรงใต้กว่า 100 จุดเพราะไม่ต้องการให้ไทยร่วมประชาคมอาเซียน
ความเข้มงวดในการตรวจสอบยานพาหนะทุกชนิดที่เดินทางผ่านเข้า - ออก 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ หลังหน่วยงานด้านความมั่นคง แจ้งเตือนในพื้นที่ให้เพิ่มความเข้มงวดในการรักษาความปลอดภัย หลังมีรายงานว่าอาจเกิดการก่อเหตุซ้ำในพื้นที่อีก
ขณะที่ข้อมูลของ พ.อ.ปราโมทย์ พรหมอินทร์ รองโฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า สอดคล้องกับข้อมูลนายอับดุลอาซิม ตาเดร์อิน อุปนายกฝ่ายสิทธิมนุษยชน สมาคมยุวมุสลิมแห่งประเทศไทย โดยกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบพยายามทำให้ประเทศไทย และประเทศมาเลเซียเกิดความขัดแย้งกัน รวมทั้งขัดขวางไม่ให้ประเทศไทยเข้าร่วมประชาคมอาเซียน เพราะจะทำให้กลุ่มผู้ก่อความไม่สงบควบคุมคน และพื้นที่ก่อเหตุได้ยากยิ่งขึ้น
พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รองนายกรัฐมนตรี ด้านความมั่นคงยอมรับว่าได้มีคำสั่งให้แม่ทัพภาคที่ 4 เร่งตรวจสอบภาพจากกล้อง CCTV ทุกจุดเพื่อหาผู้กระทำผิด
ส่วนเหตุที่เกิดขึ้น เนื่องจากเป็นวันครบรอบสถาปนากลุ่มเบอร์ซาตู ที่จะแสดงให้เห็นว่าทางกลุ่มเบอร์ซาตู ต้องการกลับมามีบทบาทในพื้นที่ภาคใต้อีกครั้ง ส่วนกรณีการติดธงชาตินั้นจะไม่กระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับมาเลเซียอย่างแน่นอน รัฐบาลไทยจะแจ้งไปยังมาเลเซียให้ทราบข้อมูลถึงความพยายามดึงประเทศมาเลเซียเข้ามาเกี่ยวข้อง
ขณะที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มีคำสั่งให้ พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ หรือ สมช.ลงพื้นที่ไปดูแลสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ในวันพรุ่งนี้
ตั้งแต่ช่วงเช้ามืดที่ผ่านมา กลุ่มผู้ก่อความไม่สงบลอบก่อเหตุความไม่สงบรวม 102 จุด ที่จังหวัดนราธิวาส 44 จุด จังหวัดยะลา 34 จุด จังหวัดปัตตานี 12 จุด และจังหวัดสงขลาอีก 12 จุด โดยมีเจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บขณะเก็บกู้วัตถุระเบิดทั้งหมด 6 นาย