นายจุมพล พูลภัทรชีวิน ปฏิบัติหน้าที่ประธานกรรมการนโยบายองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย หรือ ส.ส.ท. กล่าวถึงการทำหน้าที่สื่อสาธารณะของ ส.ส.ท.ว่า การทำงานมีวัตถุประสงค์ที่ชัดเจน โดยเฉพาะแผนการทำงาน 3 ปี ( 2555-2557 ) ที่ต้องดำเนินตามแผนให้ ซึ่งมีหลายเรื่องที่ต้องทำให้บรรลุผล โดยให้น้ำหนักข่าวในเชิงสืบสวนสอบสวนให้มากขึ้น โดยเฉพาะเรื่องคอร์รัปชั่นที่ต้องทำอย่างตรงไปตรงมาเพื่อให้รู้เท่าทันการเมือง เศรษฐกิจ สังคม และ ความเป็นไปต่างๆ ซึ่งเป็นหน้าที่ที่ท้าทายไทยพีบีเอสย่างยิ่ง
ทำให้ต้องมีการพัฒนาบุคลากรของไทยพีบีเอสเพื่อที่จะทำงานให้เป็นไปตามพันธกิจและวิสัยทัศน์องค์กร ซึ่งอาจจะต้องใช้เวลาบ้างแต่จะไม่นานจนเกินไป เพราะจากการประเมินของผู้ประเมินภายนอกพบว่า การทำงานของไทยพีบีเอสดีขึ้นพัฒนาขึ้นตามลำดับ และ หากพิจารณารางวัลเกียรติยศที่ได้รับถือว่า เป็นการรับรางวัลแบบก้าวกระโดดจากปี 2551 ที่ได้รับที่ 6 รางวัล, ปี 2552 เป็น 18 รางวัล , ปี 2553 เพิ่มเป็น 30 รางวัล และ จากปี 2554 ( ม.ค.-ก.ย.) ได้รับรางวัลไปแล้ว 77 รางวัล จาก 37 หน่วยงานที่มอบรางวัลให้แก่ไทยพีบีเอส
"เป้าหมายสูงสุด คือ ทุกเรื่องที่เราทำ เราคำนึงถึงผลประโยชน์สาธารณะ และ คำนึงถึงความคุ้มค่าเป็นสำคัญ" ปฏิบัติหน้าที่ประธานกรรมการนโยบาย กล่าวยืนยัน
ด้านนายสมชัย สุวรรณบรรณ ผู้อำนวยการองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย หรือ ส.ส.ท. กล่าวว่า ตอนนี้เรามีแผนงานเพื่อรองรับการเข้าสู่ประชาคมอาเซียนโดยปีหน้า ( 2556 ) เตรียมส่งผู้สื่อข่าวไปประจำเมืองหลวงของประเทศในอาเซียน เพราะว่าในขณะนี้มีนักข่าวจากอินโดนีเซีย และ เวียดนามมาประจำในประเทศไทยแล้ว แต่นักข่าวจากไทยยังไม่ได้ส่งไปยังประเทศในเพื่อนบ้านแต่อย่างใด
นอกจากนี้เนื้อหาภาษาอังกฤษจะมีการพัฒนามากขึ้น นอกจากเนื้อหาที่ปรากฏในหน้าจอทีวี ต่อไปจะมีการพัฒนาเนื้อหาข่าวออนไลน์แบบภาษาอังกฤษ เพราะมีเนื้อหาข่าวมากมายในประเทศไทยที่ชาวต่างชาติควรจะได้รับรู้ และ ขอเป็นสื่อที่ชาวต่างชาติสามารถอ้างอิงได้ไม่ว่าจะเป็นเรื่องต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในเมืองไทย หรือ ความสลับซับซ้อนของการเมือง สามารถหาได้จากเว็บออนไลน์ของไทยพีบีเอส
นายสมชัย กล่าวอีกว่า ขณะนี้ไทยพีบีเอสได้รับการยกย่องว่าเป็นต้นแบบสื่อสาธารณะในอาเซียน ซึ่งพม่าให้ได้ความสนใจเรื่องสื่อสาธารณะของไทยด้วย ไม่เพียงเท่านั้นไทยพีบีเอสยังจะเป็นต้นแบบในเรื่องสื่อสาธารณะของประเทศอื่น ๆ ในอาเซียนด้วยเช่นกัน รวมถึงเนปาลได้ส่งตัวแทนเพื่อมาดูงานสื่อสาธารณะด้วยเช่นกัน
"เรื่องความเป็นกลางของสื่อพิสูจน์ได้ยาก แต่ความไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดผมเชื่อว่าพิสูจน์ได้ ซึ่งไทยพีบีเอสได้พิสูจน์ให้เห็นในรายการต่างๆ ในเรื่องทัศนะที่หลากหลาย แต่อาจจะติดในเรื่องรูปแบบทีวีที่จำเป็นต้องมีการเชิญผู้ที่มีความคิดต่างทางการเมืองออกทีวีกันคนละวัน เพราะข้อจำกัดด้านเวลา แต่ขณะนี้กำลังมีการพัฒนารูปแบบการทำรายการดังกล่าว ซึ่งปีหน้าอาจจะมีขยายเวลาเวทีดังกล่าวให้มากขึ้นด้วย" ผู้อำนวยการ ส.ส.ท.กล่าวยืนยัน
นายสมชัย ยังกล่าวอีกว่า ปีหน้าจะมีเวทีแลกเปลี่ยนแบบสาธารณะมากขึ้น การแสดงทัศนะของบุคคล เพื่อให้เกิดความเข้าใจในสังคมมากขึ้น
นางนฤมล ศิริวัฒน์ ส.ว.จังหวัดอุตรดิตถ์ กล่าวว่า ไทยพีบีเอสได้ทำหน้าที่โดยเน้นการมีส่วนร่วมของประชาชน และให้ความสำคัญถึงความหลากหลายในสังคม วัฒนธรรม ไปจนถึงทางด้านชาติพันธุ์ และ หลายรายการช่วยให้เกิดความรู้สึกมีคุณค่าและช่วยในการเปลี่ยนแปลงทัศนคติให้คนในสังคมเข้าใจกันมากขึ้น ทั้งในประเด็นทางสังคม และ ประเด็นทางการเมืองที่มีความชัดเจนและทันสมัย โดยเฉพาะในช่วงภาวะวิกฤตที่มีตัวอย่างสำคัญ คือ กรณีอุทกภัยครั้งหรือในช่วงภาวะวิกฤตต่าง ๆ ตลอดเวลาที่ผ่านมาถือว่า ทำหน้าที่ให้ประชาชนเชื่อถือได้เป็นอย่างดี
ส.ว.อุตรดิตถ์ กล่าวเสริมว่า ยังมีความต้องการให้สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอสเป็นต้นแบบในการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ด้วยการเชื่อมโยงผู้คนในอาเซียน และต้องการให้ทุกรายการมีภาษาอังกฤษควบคู่กันไปด้วย เพื่อรองรับการเปิดประชมคมอาเซียนในระยะเวลาอันใกล้