ทั้งพรรคใหญ่พรรคกลางพรรคเล็กต่างเล็ง 33 ที่นั่ง ส.ส.กทม.

การสมัครลงรับเลือกตั้ง ส.ส.เขต รวม 33 เขตของกรุงเทพมหานครวันนี้ ไม่เพียงพรรคเพื่อไทยและพรรคประชาธิปัตย์เท่านั้น ที้ส่งผู้สมัครลงครบทุกเขต พรรคการเมืองขนาดกลางและเล็ก ส่งผู้สมัครลงแข่งขันเลือกตั้งครั้งนี้ด้วย ขณะที่นักวิชาการ ด้านรัฐศาสตร์เชื่อว่าพฤติกรรมการตัดสินใจของคนเมืองกรุง มีปัจจัยของกระแสทางการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง และเมื่อเทียบเคียงผลการเลือกตั้ง เมื่อปี 2550 กับคะแนนนิยมที่สะท้อนผ่านโพลจากสำนักต่างๆ จะเห็นว่าพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะพรรคเจ้าของพื้นยังคงมีคะแนนเฉลี่ยที่สูงกว่าพรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้ท้าชิง แต่ในคะแนนที่น้อยกว่า กลับพบว่ากำลังสูงขึ้น

 เทียบข้อมูลผลการเลือกตั้ง เมื่อปี 2550 ส.ส.กรุงเทพมหานคร มีทั้ง 12 เขต และระบบเขตใหญ่เรียงเบอร์ จะมีส.ส. กทม.รวม 36 คน และจะเห็นว่าเจ้าของพื้นที่กรุงเทพมหานคร คือ พรรคประชาธิปัตย์ เพราะมี ส.ส.กทม.รวม 27 คน ขณะที่พรรคพลังประชาชนหรือพรรคเพื่อไทยในปัจจุบัน มีส.ส.กทม.รวม 9 คน

 9 อดีตส.ส.กมท.พรรคเพื่อไทย ส่วนใหญ่เป็นนักการเมืองรุ่นใหญ่และเป็นอดีตส.ส.หลายสมัคร จึงรักษาที่มั่นไว้ได้ โดยเฉพาะนายสากล ม่วงศิริ และนายวิชาญ มีนชัยนันท์ แต่อดีตส.ส. กทม. 27 คนของพรรคประชาธิปัตย์ นอกจากผู้ที่นั่งเก้าอี้ ส.ส.กทม.มาหลายสมัยแล้ว

 การเลือกตั้งเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม ปี 2550 ยังมีนักการเมืองรุ่นใหม่ ท้าชิงเก้าอี้ ส.ส.กทม.จากพรรคพลังประชาชนได้หลายที่นั่ง และท้ายที่สุด พรรคประชาธิปัตย์ยังคว้าเก้าอี้ส.ส.กทม. ในสนามเลือกตั้งซ่อม มาอีก 3 เสียง รวมแล้ว ประชาธิปัตย์ มีอดีตส.ส.กทม.ในปัจจุบัน รวม 30 คน ขณะที่เพื่อไทยมี 6 คน

 สนามเลือกตั้งส.ส.กทม.วันอาทิตย์ที่ 3 กรกฎาคม 2554 ไม่น่าจะต่างจากอดีต โดยเฉพาะคู่แข่งทางการเมือง ยังคงเป็นผู้สมัครจาก 2 พรรคการเมืองใหญ่ แต่บรรยากาศการแข่งขันครั้งนี้ต่างจากอดีตที่เคยเป็นทีม กลับเป็นเขต แบบช้างชนช้าง คนต่อคน เพราะเป็นระบบเขตเดียวเบอร์เดียว

ทั้งพรรคประชาธิปัตย์ และพรรคเพื่อไทยต่างปฏิเสธที่จะระบุถึงการท้าชิงแชมป์ หรือแม้แต่จะย้ำถึงการปกป้องที่มั่นเดิม เพราะรับรู้ดีถึงกระแสของคนเมืองที่เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว โดยเฉพาะในพื้นที่ชั้นในของกรุงเทพมหานคร ซึ่งนักวิชาการมองว่า เงื่อนไขการตัดสินใจเลือก ส.ส.ของคนกรุงเทพ คือ กระแสการเมือง

เมื่อเทียบเคียงข้อมูลด้วยผลสำรวจความเห็นของประชาชนจากสำนักต่างๆ จะเห็นว่า ก่อนมีพระราชกฤษฎีกายุบสภาเพื่อเลือกตั้งใหม่ คะแนนนิยมของพรรคเพื่อไทย หรือ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ซึ่งยังไม่แสดงตัวเป็นผู้สมัคร แม้ตัวเลขจะน้อยกว่าพรรคประชาธิปัตย์ หรือ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ โดยเฉลี่ยมากกว่า 10 คะแนน แต่จะเห็นว่าสูงขึ้นตามลำดับ และเมื่อดุจากผลสำรวจหลังการสมัครรับเลือกตั้ง พรรคเพื่อไทยยังคงมีคะแนนเฉลี่ยน้อยกว่าพรรคประชาธิปัตย์ แต่เมื่อดูตัวเลขแล้ว ยังพบว่าคะแนนที่น้อยของพรรคเพื่อไทยกำลังสูงขึ้น หากแต่คะแนนที่มากของพรรคประชาธิปัตย์ กำลังนิ่ง