นักวิชาการชี้ การปรับครม.และกรรมการพรรคพท.ปรับเพื่อความแข็งแกร่ง
สภาวะการเปลี่ยนแปลง หรือเปลี่ยนผ่านทางการเมืองของรัฐบาล และพรรคเพื่อไทย ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา ทั้งกรณีปรับ ครม.ยิ่งลักษณ์ 3 ซึ่งเลือกรัฐมนตรีใหม่ถึง 23 คน และกรณีการปรับโครงสร้างพรรค ด้วยการเลือกคณะผู้บริหารพรรคชุดใหม่ 19 คน ไม่เพียงสืบเนื่องจากเหตุการลาออกของ นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ เท่านั้น แต่ยังเกี่ยวข้องกับเจตนาทางการเมืองอีกด้วย
รศ.วุฒิสาร ตันไชย รองเลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า วิเคราะห์ว่ารัฐบาล และพรรคเพื่อไทยต้องการสร้างความแข็งแกร่งทางการเมือง โดยพรรคเพื่อไทย จำเป็นต้องเดินหน้าสร้างความเป็นจริงในนโยบาย แทนการเสนอตัวบุคคล เพื่อเตรียมพร้อมเลือกตั้งใหม่ ส่วนรัฐบาลต้องขยับสับเปลี่ยนรัฐมนตรี เพื่อสร้างภาพลักษณ์ด้านมืออาชีพ และขจัดปัญหามวลชนต่อต้านคัดค้าน
รศ.วุฒิสาร กล่าวเน้นย้ำว่า ทั้งรัฐบาล และพรรคเพื่อไทย จะต้องพร้อมในการบริหารจัดการปัญหาภายในด้วย โดยเฉพาะการสร้างความสมดุล ทั้งเนื้องานและตัวบุคคล เพื่อการได้มาซึ่งเอกภาพ และเสถียรภาพ
ด้วยเหตุผลของการสร้างความสมดุล รศ.วุฒิสาร บอกว่า รัฐบาล พรรคการเมือง และฝ่ายค้าน ไม่เพียงแต่จะสนับสนุนการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนต่อการเมืองเท่านั้น แต่ควรเคารพ และขับเคลื่อนให้ระบบรัฐสภาของไทยเกิดความเข้มแข็ง
ก่อนหน้านี้ สหภาพรัฐสภา (IPU) ชี้ว่ารัฐสภาไทยอยู่ในระดับกลางเท่านั้น และสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาแห่งประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) ศึกษาพบว่าจุดอ่อนของรัฐสภาไทย คืองานด้านนิติบัญญัติล่าช้า การตรวจสอบถ่วงดุลไม่เต็มประสิทธิภาพ สอดคล้องกับผลการสำรวจความเห็นของประชาชนในสัปดาห์นี้ เอแบคโพล เห็นว่านายกรัฐมนตรีควรให้ความสำคัญกับระบบรัฐสภา และเข้าชี้แจงตอบคำถามการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่เกิดขึ้นด้วยตัวเอง ขณะที่สวนดุสิตโพล บอกว่า จุดแข็งของฝ่ายค้านคือการติดตามตรวจสอบ และจุดแข็งของรัฐบาล คือการเดินหน้าขับเคลื่อนนโยบายให้เป็นรูปธรรม
แท็กที่เกี่ยวข้อง: