สื่อต่างชาติชั้นนำทุกสำนัก รายงานตรงกันว่าไทยผลักดันเรือผู้อพยพชาวโรฮิงญาให้เผชิญชะตากรรมอย่างไร้จุดหมายในทะเล ซึ่งก็เช่นเดียวกันกับมาเลเซียที่เมื่อก่อนนั้นยินดีต้อนรับแต่บัดนี้กลับหันมาผลักไส โดยเว็บไซต์ "ไทม์ออฟอินเดีย" หนังสือพิมพ์ชั้นแนวหน้าของอินเดีย พาดหัวข่าวล่าสุดว่า เมียนมากล่าวโทษวิกฤตปัญหาโรฮิงญาต่อประเทศเพื่อนบ้านคือไทย
นักข่าวเอพีและเอเอฟพี รายงานว่านายซอว์ เตย์ ผู้อำนวยการสำนักทำเนียบประธานาธิบดีของเมียนมา ระบุว่าผู้นำรัฐบาลเมียนมาจะไม่มาร่วมประชุมที่ไทยเป็นเจ้าภาพจัดขึ้นในวันที่ 29 พ.ค.นี้ หากในคำเชิญใช้คำว่าโรฮิงญาซึ่งก็เพราะเมียนมาไม่ยอมรับว่าโรฮิงญาเป็นพลเมืองของชาติเมียนมา
ผู้อำนวยการสำนักทำเนียบประธานาธิบดีของเมียนมายังกล่าวด้วยว่า ปัญหาผู้อพยพทางเรือชาวโรฮิงญาไม่ได้เป็นปัญหาของเมียนมาแต่ต้นตอของปัญหาเกิดจากความหละหลวมของไทย ต่อการป้องกันการค้ามนุษย์และระบบนิติรัฐ หรือการปกครองที่ถือกฎหมายเป็นใหญ่
ทั้งนี้ไทม์ออฟอินเดียรายงานด้วยว่า "โรฮิงญา" เป็นคำต้องห้ามในเมียนมาและเมียนมา เรียกชาวโรฮิงญาว่าเป็นพวกเบงกาลี ซึ่งเมียนมายืนกรานตลอดมาว่า เป็นพวกลักลอบเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมายจากบังคลาเทศ โดยท่าทีจากเมียนมาเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เกิดวิกฤตเรือผู้อพยพชาวโรฮิงญาช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมานี้ก็บ่งชี้ว่าการแก้ปัญหาผู้อพยพทางเรือชาวโรฮิงญาจะประสบปัญหายุ่งยาก
สื่อชั้นนำของต่างชาติเข้าใจตรงกันว่า ผู้อพยพชาวโรฮิงญาส่วนใหญ่หนีการกวาดล้างออกมาจากเมียนมาโดยเฉพาะจากรัฐยะไข่และส่วนน้อยเป็นพลเมืองจากบังคลาเทศที่หนีความฝืดเคืองแร้นแค้นปัญหาทางเศรษฐกิจ โดยการประชุมที่ไทยเป็นเจ้าภาพจัดขึ้นวันที่ 29 พ.ค.นี้ มีเป้าหมายเพื่อหาทางแก้ไขผู้อพยพชาวโรฮิงญา ซึ่งกล่าวได้ว่ากำลังกลายเป็นวิกฤตเรือผู้อพยพครั้งใหญ่ที่สุด นับตั้งแต่สมัยสงครามเวียดนาม เมื่อ 40 ปีก่อน และหน่วยงานนานาชาติกำลังพากันระบุว่าเป็นเกมปิงปอง คือไม่มีชาติใดยินดีต้อนรับชาวโรฮิงญาที่ลอยเรือมาถึง และต่างก็ผลักดันออกจากฝั่งให้ไปเผชิญชะตากรรมกันเองกลางทะเล