"ดารา" กับการเปลี่ยนรูปร่างเพื่อการแสดง

Logo Thai PBS
"ดารา" กับการเปลี่ยนรูปร่างเพื่อการแสดง

หนึ่งในเทคนิคการแสดงที่สามารถโน้มน้าวใจผู้ชมคือการเปลี่ยนรูปร่างของนักแสดงเพื่อสามารถถ่ายทอดตัวตนของตัวละครนั้น ๆ ได้อย่างสมจริง และบ่อยครั้งผลตอบรับจากความทุ่มเทก็ทำให้ได้รับรางวัลทางการแสดงอีกด้วย

การเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อรับบทผู้ติดเชื้อเฮชไอวีในยุค 80 ที่จะมีชีวิตอยู่ได้เพียง 30 วัน ในเรื่อง Dallas Buyers Club ดาราหนุ่มหุ่นล่ำอย่าง แม็ตธิว แม็คคอนนาเฮย์ ตัดสินใจลดน้ำหนักลงเกือบ 20 กิโลกรัมแต่การเปลี่ยนแปลงรูปร่างของเขายังไม่น่าตกใจเท่าคู่หูในเรื่องอย่าง เจเล็ด เลโต้ ผู้รับบทสตรีข้ามเพศที่ป่วยเป็นเอดส์ ซึ่งงดอาหารไปหลายวันจนทำน้ำหนักลดลงถึง 15 กิโลกรัม ส่งผลให้น้ำหนักตัวเหลือเพียง 57 กิโลกรัม การลงทุนกับร่างกายครั้งนี้ได้ผลตอบรับอย่างดี เมื่อนักวิจารณ์ต่างยกย่องบทบาทการแสดงของทั้งคู่ในผลงานซึ่งเป็นที่จับตาในเทศกาลภาพยนตร์โตรอนโต้ปีนี้ (56)

 
ความทุ่มเทเพื่อรับบทบาทให้สมจริงของนักแสดง จนคว้ารางวัลทางการแสดงมาแล้วหลายคน เช่นครั้งที่ ทอม แฮงส์ ลดน้ำหนัก 13 กิโลกรัมเพื่อรับบทผู้ป่วยเอดส์ใน Philadelphia ซึ่งทำให้เขาคว้าออสการ์ตัวแรกไปครอง ไมเคิล ฟาสเบนเดอร์ ควบคุมการกินอาหารแค่ 600 แคลอรีต่อวันเพื่อรับบทสมาชิกไออาร์เอที่อดอาหารประท้วงจนเสียชีวิตใน Hunger จนคว้ารางวัลจากเวที British Independent Film Award ส่วนคู่หูดารา นาตาลี พอร์ตแมน และ มิล่า คูนิส ต่างลดน้ำหนักคนละ 10 กิโลกรัมเพื่อรับบทนักบัลเลต์ใน Black Swan ซึ่งเป็นบทที่ส่งให้พอร์ตแมนคว้าออสการ์มาครองด้วย
 
นักแสดงบางคนเลือกการเพิ่มน้ำหนักเพื่อจูงใจผู้ชม ทั้ง ชาร์ลิซ เธรอน ที่คว้าออสการ์เมื่อครั้งเพิ่มน้ำหนักตัว 15 กิโลกรัมเพื่อรับบทนักฆ่าต่อเนื่องใน Monster ขณะที่การเพิ่มน้ำหนักเพื่อเป็นบทนักมวยเคยส่งให้นักแสดงคว้าออสการ์ถึง 2 ราย ทั้ง ฮิลลารี สแวงค์ ใน Million Dollar Baby และ โรเบิร์ต เดอ นีโร่ ที่เพิ่มน้ำหนักตัวกว่า 30 กิโลกรัมเพื่อให้ดูเหมือนนักชกแขวนนวมใน Raging Bul
 
นักแสดงบางรายขึ้นชื่อเรื่องการเพิ่มและลดน้ำหนักตัวตามการรับบทแต่ละครั้ง ทั้ง คริสเตียน เบล ที่ลดน้ำหนักกว่า 30 กิโลกรัมเพื่อรับบทผู้ป่วยด้วยอาการนอนไม่หลับใน The Machinist ก่อนจะเพิ่มน้ำหนักคืนมา 50 กิโลกรัมเพื่อสวมบทอัศวินรัตติกาลใน Batman Begins และกลับมาลดน้ำหนักอีกครั้งในบทเทรนเนอร์นักมวยติดยาใน The Fighter ที่ส่งให้เขาคว้าออสการ์ได้สำเร็จ เช่นเดียวกับ เจเล็ด เลโต้ ที่เคยลดน้ำหนักเกือบ 15 กิโลกรัมเพื่อรับบทคนติดยาใน Requiem for a Dream ก่อนจะเปลี่ยนร่างเป็นชายอ้วนด้วยการเพิ่มน้ำหนักกว่า 30 กิโลกรัมใน Chapter 27 เพื่อรับบท มาร์ค เดวิด แชปแมน ฆาตกรผู้สังหารจอห์น เลนนอน ซึ่งเจ้าตัวยอมรับว่า การเปลี่ยนแปลงแต่ละครั้งไม่ได้ขึ้นอยู่กับร่างกายว่าทนกับมันได้แค่ไหน แต่อยู่ที่ว่าเขาจะมีร่างกายที่สามารถถ่ายทอดบทบาทนั้นให้สมบูรณ์แบบได้เพียงใด


ข่าวที่เกี่ยวข้อง