วันนี้ (6 พ.ย.) นายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว.สรรหา กล่าวว่า ทางกลุ่มของ ส.ว.สรรหาดำเนินการคัดค้านการผลักดันร่า งพ.ร.บ.นิรโทษกรรมมาโดยตลอด โดยได้จากรวบรวม .ส.ว.สรรหา และส.ว.เลือกตั้งจำนวนหนึ่ง ซึ่งทำให้มีความมั่นใจว่ามีเสียงเกินกว่า ครึ่งหนึ่งซึ่งล่าสุดรวบรวมเสียงขึ้นไปถึงกว่า 100 เสียง โดยสามารถที่จะคัดค้านร่าง กฎหมายดังกล่าวได้
ดังนั้น แม้ว่า นายนิคม ไวยรัชพานิช ประธานวุฒิสภา และ ส.ว.เลือกตั้งจะไม่ออกมาแถลงถึงการไม่รับหลักการร่างกฎหมายฉบับดังกล่าว ก็คาดว่าร่าง กฎหมายฉบับนี้ก็จะไม่ผ่านการพิจาณณาตั้งแต่วาระแรก และการที่ประธานวุฒิสภา และ ส.ว.เลือกตั้ง ออกมาแถลงเป็นการกระทำที่หวังลดการความอุณหภูมิของการชุมนุมลง
นายคำนูณ ยังกล่าวว่า ท่าทีของประธานวุฒิสภา ในช่วงก่อนหน้านี้ยังตรงกันข้ามกับในปัจจุบัน ซึ่งมีความสอดคล้องกับการแถลงของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ซึ่งกระแสในโซเชียลมีเดียหลังจากนายกฯได้ออกมาแถลงการณ์ โดยส่งสัญญาณว่า จะถอยการผลักดันร่างฯนิรโทษกรรม สังคมก็ยังไม่แน่ใจและยังคงมีความไม่พอใจอยู่ เพราะฉะนั้น ทีมยุทธศาสตร์ของพรรคเพื่อไทย ซึ่งประเมินว่า ท่าทีของนายกฯไม่สามารถที่จะลดกระแสของสังคมได้ ด้วยเหตุนี้ทางพรรคเพื่อไทย นำโดย นายภูมิธรรม เวชยชัยจึงต้องออกมาแถลง หลังจากที่ประธานวุฒิได้แถลงไปในช่วงก่อนหน้านี้
นอกจากนี้ นายคำนูณ ยังกล่าวว่า กรณีการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม อยู่ในชั้นของ วุฒิสภา ไม่ได้สร้างความกดันให้กับวุฒิสภา โดยเฉพาะกับกลุ่มของตนเองที่ยืนยันในการคัดค้าน ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมมาตั้งแต่แรก ซึ่งกระบวนการเหล่านี้เป็นไปตามกระบวนการตามปกติ และวุฒิสภาไม่มีสิทธิที่จะทำให้กฎหมายตกไป หรือมีสิทธิหรือทำให้กฎหมายหมดไปจากสภาฯ ซึ่งมีสิทธิเพียงการยับยั้งกฎหมาย ซึ่งหากไม่รับหลักการในวาระที่ 1 ก็จะส่งคืนกลับไปยัง สภาผู้เแทนราษฎร และรอให้ครบ 180 วัน ซึ่งหากพ้นให้ 180 วัน และสภาผู้แทนยังยืนในร่างฉบับนี้ก็สามารถผ่านได้เลยทันที ซึ่งในระหว่างนี้ยังมีช่องทางก็คือการยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าขัดกับรัฐธรรมนูญหรือไม่
นอกจากนี้ยังมีร่างกฎหมายที่มีลักษณะคล้ายคลึงกันก็คือ ร่างพ.ร.บ.ปรองดอง ที่ยังค้างอยู่ในการพิจารณาของสภาอีก 6 ฉบับ ซึ่งสามารถหยิบยกขึ้นมาพิจารณาเมื่อใดก็ได้
นายคำนูณ กล่าวว่า หากรัฐบาลหรือนายกรัฐมนตรีมีความจริงใจ ก็สามารถออกเป็นมติพรรคให้สมาชิกที่เสนอร่าง พ.ร.บ.ปรองดองทั้ง 6 ฉบับที่ค้างอยู่นี้ ถอนร่างฯทั้งหมดออกจากการพิจารณา ซึ่งจะเป็นการแดสงความจริงใจที่ชัดเจน และเป็นรูปธรรม รวมถึงการให้สัญญาประชาคมว่า ในช่วง 180 วัน ส.ส.จากพรรคเพื่อไทย จะไม่หยิบยกร่างฯที่วุฒิสภาไม่พิจารณาหยิบกลับมายืนยันอีก
นอกจากนี้ ในการที่จะยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยร่างกฎหมายฉบับดังกล่าวนั้น ยังไม่สามารถกระทได้ ซึ่งจะสามารถทำได้ก็ต่อเมื่อร่างอยู่ในขั้นตอนการทูลเกล้าฯ ซึ่งในทางทฤษฎีก็ยังไม่แน่ใจว่า ร่างกฎหมายฉบับดังกล่าวจะผ่านในวาระแรกหรือไม่ หรือ หากผ่านแล้วจะมีการตั้งคณะกรรมาธิการและแปรญัตติแก้ไขเนื้อหากฎหมายมาก-น้อยเพียงใด ซึ่งการที่จะยื่่นต่อศาลรัฐธรรมนูญนั้นยังคงเป็นความตั้งใจอยู่แล้วเนื่องจากมีจุดที่ขัดต่อหลักนิติรัฐ นิติธรรมอยู่มาก