หนังวัยรุ่นกับความสัมพันธ์ทางเพศ
ข้อตกลงระหว่างหนุ่มสาวที่ให้คำมั่นด้วยการวางมือบนคัมภีร์ไบเบิ้ลดิจิตอลใน iPad อาจเป็นตลกร้ายสำหรับผู้ที่ไม่คุ้นเคยกับความสัมพันธ์ในโลกสมัยใหม่ ยิ่งคำสัญญาแทนที่จะเป็นการครองรักร่วมกัน กลับเป็นการให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์ทางเพศที่ฉาบฉวย ภาพยนตร์เรื่อง Friends With Benefits เป็นหนึ่งในหนังรักวัยรุ่น ที่ไม่ได้มองว่าความสัมพันธ์ทางเพศคือปลายทางของความรัก แต่กลับกลายเป็นจุดเริ่มต้นให้คน 2 คนเริ่มทำความรู้จักกันมากขึ้น โดยมีนักแสดงขวัญใจวัยรุ่นพร้อมกับฉากเซ็กซี่เป็นการสร้างจุดขาย
เช่นเดียวกับเรื่อง No Strings Attached และ Love And Other Drugs ที่พูดถึงความสัมพันธ์แบบรักสนุกแต่ไม่ต้องการความผูกพันเช่นเดียวกัน ซึ่ง Scott Neustadter ผู้เขียนบทภาพยนตร์สไตล์นี้ เคยกล่าวถึงความสัมพันธ์ของคนรุ่นใหม่ไว้ในนิตยสาร Elle ว่าเพื่อนสนิท 2 คน อาจกลายเป็นคนรักได้ แต่ด้วยความคาดหวังและตารางเวลาที่แตกต่าง ทำให้ทั้งคู่รู้ว่าคงไม่สามารถเป็นคู่รักที่ดี เมื่อต่างคนต่างมองหาคนที่ดีกว่า จึงเป็นความสบายใจหากพวกเขารู้ว่ามีใครสักคนคอยอยู่เคียงข้าง แม้จะเป็นเพียงคู่นอนก็ตาม
ไม่เพียงภาพยนตร์รักวัยรุ่นยุคใหม่เท่านั้นที่กล่าวถึงความสัมพันธ์ในลักษณะนี้ แต่ภาพยนตร์เรื่อง 9 weeks and a half ที่ฉายในปี 1986 ก็เป็นเรื่องของหญิงชายที่พัฒนาความสัมพันธ์จากการเป็นคู่นอน ก่อนจะจบลงที่ความรักเช่นเดียวกัน ทว่าสิ่งที่แตกต่างระหว่าง 9 weeks and a half และหนังรักวัยรุ่นสมัยใหม่ คือมุมมองที่มีต่อหนัง ซึ่ง 9 weeks and a half เป็นหนังดราม่าอีโรติก และท้าทายศีลธรรมสังคมสมัยนั้นอย่างชัดเจน ในขณะที่หนังยุคใหม่อย่าง Friends With Benefits หรือ No Strings Attached ถูกจัดให้อยู่ในประเภทโรแมนติกคอเมดี้ที่เป็นหนังรักเบาสมองมากกว่าจะมองเป็นเรื่องจริงจัง
แม้ว่าภาพยนตร์แนวนี้ส่วนใหญ่จะมีข้อสรุปที่คล้ายกันว่า ความสัมพันธ์ระหว่างคน 2 คนเป็นเรื่องซับซ้อน การหาเส้นแบ่งระหว่างเพื่อนและคนรักอาจทำไม่ได้ง่ายๆ เพียงการตกลงหรือตั้งกฎระหว่างกัน แต่ความจริงที่ว่าภาพยนตร์สามารถสะท้อนสังคม ก็อาจบ่งบอกถึงความสัมพันธ์ฉาบฉวยของคนรุ่นใหม่ที่ความผูกพันไม่ได้เป็นปัจจัยแรกของความรักอีกต่อไป