ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

เลือกตั้ง "โสมขาว" ทางแยกประชาธิปไตยท่ามกลางแผลกฎอัยการศึก

ต่างประเทศ
15:15
161
เลือกตั้ง "โสมขาว" ทางแยกประชาธิปไตยท่ามกลางแผลกฎอัยการศึก
เกาหลีใต้กำลังอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของการเมือง หลังวิกฤตกฎอัยการศึกส่งผลให้เกิดการเลือกตั้งฉุกเฉินเพื่อหาผู้นำคนใหม่ การเลือกตั้งครั้งนี้กำหนดทั้งอนาคตผู้นำ และการลงประชามติต่อประชาธิปไตยที่สั่นคลอนท่ามกลางความแตกแยกทางการเมือง

วันนี้ (2 มิ.ย.2568) เมื่อปลายปี 2567 ยุน ซอก-ยอล อดีตประธานาธิบดี ประกาศกฎอัยการศึก โดยอ้างเหตุผลด้านความมั่นคง การเคลื่อนไหวนี้จุดชนวนการประท้วงครั้งใหญ่ทั่วประเทศ ประชาชนออกมาขับไล่ ขณะที่สมาชิกรัฐสภาจากทุกพรรค รวมถึงพรรคพลังประชาชน (PPP) ของยุน ซอก-ยอล เอง ร่วมลงมติคว่ำคำสั่ง ต่อมา ยุน ซอก-ยอล ถูกถอดถอนในเดือน เม.ย.2568 และเผชิญข้อหากบฏ ซึ่งอาจนำไปสู่โทษจำคุกตลอดชีวิต เขาย้ายออกจากทำเนียบประธานาธิบดีไปอยู่อพาร์ตเมนต์ในโซล ขณะคดีความยังดำเนินต่อไป

วิกฤตนี้ทิ้งรอยแผลลึกให้สังคมเกาหลีใต้ การประท้วงรุนแรงกลายเป็นภาพชินตาในช่วงต้นปี 2568 ผู้คนตะโกนขับไล่นักการเมือง หรือแม้แต่เรียกร้องประหารชีวิตผู้นำบางคน ความแตกแยกทางการเมืองขยายวง จากเดิมที่แบ่งเป็นฝ่ายอนุรักษ์นิยมและเสรีนิยม กลายเป็นความไม่ไว้วางใจต่อระบบทั้งหมด การเลือกตั้งครั้งนี้จึงเป็นโอกาสฟื้นฟูความมั่นใจในประชาธิปไตยและเยียวยาความขัดแย้ง

ผู้เล่นหลัก : อี แจ-มยอง vs คิม มุน-ซู

การเลือกตั้งครั้งนี้ แม้จะมีผู้ลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีถึง 6 คน แต่ภาพรวมก็เสมือนเป็นการแข่งขันระหว่าง 2 ขั้วชัดเจน "อี แจ-มยอง" จากพรรคประชาธิปไตย (DP) ฝ่ายเสรีนิยม และ "คิม มุน-ซู" จากพรรคพลังประชาชน (PPP) ฝ่ายอนุรักษ์นิยม

อี แจ-มยอง

ผู้นำฝ่ายค้านวัย 60 ปี กลายเป็นสัญลักษณ์ต่อต้านกฎอัยการศึก ภาพที่เขาไต่กำแพงรัฐสภาเพื่อลงมติคว่ำคำสั่ง ยุน ซอก-ยอล กลายเป็นไวรัล เขานำเสนอตัวเองว่าเป็นผู้นำที่ปกป้องประชาธิปไตย สัญญาจะแก้รัฐธรรมนูญเพื่อจำกัดอำนาจประธานาธิบดีในการใช้กฎอัยการศึก และป้องกัน "กบฏ" ในอนาคต การหาเสียงของเขาดึงดูดทั้งผู้สนับสนุนฝ่ายซ้ายและกลุ่มกลางที่หวาดกลัวการยึดอำนาจซ้ำรอย ปาร์ก ซอ-จอง วัย 59 ปี กล่าวว่า เขาไม่เคยชอบ อี แจ-มยอง แต่หลังกฎอัยการศึก เชื่อว่า อี แจ-มยอง เป็นทางออกเดียวที่มีอยู่

อย่างไรก็ตาม อี แจ-มยอง ไม่ใช่ตัวเลือกที่ไร้ข้อครหา เขาเคยลงชิงตำแหน่งเมื่อปี 2565 แต่แพ้ ยุน และถูกวิจารณ์จากคดีความและเรื่องอื้อฉาว เช่น ข้อกล่าวหาคอร์รัปชันในโครงการพัฒนาที่ดิน อี แจ-มยอง ปฏิเสธทุกข้อหา อ้างว่าเป็นการกลั่นแกล้งทางการเมือง แม้จะมีกลุ่มที่เกลียดเขา แต่ผลสำรวจล่าสุดจาก Gallup Korea ชี้ว่า อี แจ-มยอง นำ คิม มุน-ซู ราว 10 คะแนน ด้วยคะแนนนิยมร้อยละ 48 เทียบกับ คิม มุน-ซู ที่ได้ร้อยละ 38

คิม มุน-ซู

ผู้สมัคร PPP วัย 73 ปี เป็นตัวเลือกที่สร้างความแตกแยก เขาเคยเป็นรัฐมนตรีแรงงานในรัฐบาลยุน ซอก-ยอล และปฏิเสธขอโทษต่อสภาในกรณีกฎอัยการศึก จนเพิ่งออกมาขอโทษช่วงหาเสียงเมื่อถูกกดดัน คิม มุน-ซู ได้รับการสนับสนุนจากยุน ซอก-ยอล ซึ่งยังคงมีอิทธิพลในกลุ่มอนุรักษ์นิยมสุดโต่ง การเลือกคิมสะท้อนความผิดพลาดของ PPP ที่ไม่ตัดขาดจากยุน ส่งผลให้พรรคสูญเสียความน่าเชื่อถือ จองมิน คิม จาก Korea Pro วิเคราะห์ว่า การเลือก คิม มุน-ซู คือหายนะของ PPP พวกเขารู้แต่เปลี่ยนตัวไม่ทัน

คิม มุน-ซู พยายามฉายภาพเป็น "ผู้สมัครที่ยุติธรรม" โดยโจมตี อี แจ-มยอง ว่าไม่น่าไว้วางใจจากคดีความ แต่กลยุทธ์นี้ได้ผลจำกัด ผู้สนับสนุนคิมส่วนใหญ่เลือกเขาเพราะ "ไม่ใช่ อี แจ-มยอง" มากกว่านโยบาย ชอย ยอง-ซู วัย 62 ปี กล่าวว่า เขาไม่ชอบคิม มุน-ซู แต่จะไม่โหวตให้ อี แจ-มยอง ที่เต็มไปด้วยปัญหา อย่างไรก็ตาม เส้นทางของคิม มุน-ซู เต็มไปด้วยอุปสรรค PPP ภายในแตกแยก และอาจแตกเป็นเสี่ยงหลังเลือกตั้ง

ประชามติเรื่องกฎอัยการศึก

การเลือกตั้งครั้งนี้ถูกมองว่าเป็นการลงประชามติต่อการกระทำของ ยุน ซอก-ยอล มากกว่าการแข่งขันนโยบาย ผลสำรวจจาก Realmeter เผยว่าร้อยละ 72 ของประชาชนไม่เห็นด้วยกับกฎอัยการศึก และ ร้อยละ 65 ต้องการผู้นำที่รับประกันว่าจะไม่เกิดเหตุการณ์ซ้ำ อี แจ-มยอง ใช้จุดนี้เป็นจุดขายหลัก ขณะที่ คิม มุน-ซู และ PPP เสียเปรียบจากความเกี่ยวข้องกับยุน ซอก-ยอล

อี แจ-มยอง ปรับกลยุทธ์หาเสียงเพื่อดึงกลุ่มอนุรักษ์นิยม เขาเปลี่ยนนโยบายไปทางขวา เช่น สนับสนุนแชโบล (กลุ่มธุรกิจยักษ์ใหญ่) และลดวาทกรรมสวัสดิการถ้วนหน้า ซึ่งเคยเป็นจุดเด่นของเขา เขายังเน้นความสัมพันธ์กับสหรัฐฯ มากขึ้น โดยกล่าวว่า พันธมิตรเกาหลี-สหรัฐฯ คือรากฐานความมั่นคง แตกต่างจากจุดยืนเดิมของ DP ที่ระวังเรื่องสหรัฐฯ และให้ความสำคัญกับจีนและเกาหลีเหนือ การปรับตัวนี้ทำให้บางคนสงสัยในความจริงใจ จองมิน คิม มองว่า อี แจ-มยอง เล่นเกมยาว เขาต้องการเป็นผู้นำที่รวมชาติ ไม่ใช่แค่ฝ่ายซ้าย

ในทางกลับกัน คิม มุน-ซู ขาดนโยบายที่ชัดเจน อาศัยฐานเสียงอนุรักษ์นิยมที่ภักดีต่อ ยุน ซอก-ยอล แต่กลุ่มนี้มีจำนวนจำกัด การที่ PPP ไม่เปลี่ยนตัวผู้สมัคร แม้จะพยายามในนาทีสุดท้าย แสดงถึงความอ่อนแอภายในพรรค

ความท้าทายของผู้นำคนใหม่

หาก อี แจ-มยอง ชนะตามผลสำรวจ เขาจะควบคุมทั้งตำแหน่งประธานาธิบดีและรัฐสภาที่ DP ครองเสียงข้างมาก ด้วยวาระ 3 ปี เขาจะมีอำนาจปฏิรูปครั้งใหญ่ เช่น แก้รัฐธรรมนูญเพื่อจำกัดอำนาจประธานาธิบดี หรือปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมที่ถูกวิจารณ์ว่าเลือกปฏิบัติ แต่ความท้าทายคือการรวมชาติที่แตกแยก และพิสูจน์ว่าเขาไม่ใช่ ยุน ซอก-ยอล คนต่อไป ที่ใช้อำนาจในทางมิชอบ

สำหรับ คิม มุน-ซู โอกาสชนะมีน้อย และหากแพ้ PPP อาจแตกเป็นเสี่ยง กลุ่มอนุรักษ์นิยมอาจต้องสร้างพรรคใหม่ ซึ่งจะเปลี่ยนภูมิทัศน์การเมืองเกาหลีใต้ในระยะยาว

นอกจากนี้ ผู้ชนะต้องเผชิญปัญหาเร่งด่วน เช่น การเจรจาภาษีกับ ปธน.สหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ที่อาจกดดันเกาหลีใต้ด้านการค้า ความตึงเครียดกับเกาหลีเหนือ และเศรษฐกิจที่ชะลอตัวจากความวุ่นวายทางการเมือง

ที่มา : CNN, BBC