จากข้อกล่าวหาที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติหรือ ป.ป.ช. สรุปรวมพร้อมสำนวนเอกสารหลักฐานยื่นฟ้องศาลปฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ทำให้นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน แถลงปฏิเสธพร้อมแสดงความพร้อมในการต่อสู้คดีตามกระบวนการยุติธรรม โดยแต่งตั้งนายบัณฑิต ศิริพันธุ์ หัวหน้าสำนักทนายความเสนีย์ปราโมทย์ เป็นทีมทนายความในการต่อสู้คดีต่อไป
นายอภิรักษ์ ชี้แจงว่า ระหว่างการดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร แม้จะรับทราบการชี้มูลเบื้องต้นของ ป.ป.ช. และลาออก เพื่อให้องค์กรอิสระได้ตรวจสอบโดยปราศจากแรงกดดัน แต่ไม่ได้หมายความว่าจะปฏิบัติหน้าที่ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ โดยมิชอบแต่อย่างใด ส่วนการเปิดแอลซี หรือ การทำหนังสือสัญญาการชำระเงินค่าสินค้าในการซื้อ-ขายผ่านธนาคาร ถือเป็นการทำตามระบบที่ค้างอยู่ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการทุจริตคอร์รัปชั่น
ส่วนการเข้าสู่ตำแหน่งทางการเมืองทั้งในฐานะส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ หรือจะได้รับการเสนอชื่อในที่ประชุมใหญ่วิสามัญของพรรค เพื่อรับตำแหน่งเลขาธิการพรรคคนใหม่ นายอภิรักษ์ ยืนยันว่าคดีดังกล่าวจะไม่กระทบต่อตำแหน่งทางการเมือง และมั่นใจการคัดเลือกเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ผู้เสนอชื่อ ไม่ว่าจะเป็นนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และสมาชิกของพรรคจะเชื่อมั่นในความบริสุทธิ์ ก่อนเสนอเข้ารับหน้าที่อย่างแน่นอน
สำหรับคดีทุจริตจัดซื้อรถ และเรือดับเพลิง พร้อมอุปกรณ์บรรเทาสาธารณภัย ตามโครงการพัฒนาระบบบริหารและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานสำนักป้องกัน และบรรเทาสาธารณภัย กรุงเทพมหานคร มูลค่า 6,687 ล้านบาท ป.ป.ช. เป็นโจทก์ยื่นฟ้องจำเลย 6 คน ที่ชี้มูลและสรุปสำนวนฟ้องว่าเกี่ยวข้อง ยื่นต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เมื่อว้นที่ 25 กรกฎาคมที่ผ่านมา
โดยศาลจะนัดฟังคำสั่งว่าจะประทับรับฟ้องคดีหรือไม่ในเวลา 10.00 น. ของวันที่ 24 สิงหาคม และระหว่างนี้ ศาลฎีกาจะเรียกประชุมใหญ่เพื่อเลือกผู้พิพากษา 9 คน เป็นองค์คณะรับผิดชอบสำนวนคดีและมีคำสั่งต่อไป เนื่องจากมีเอกสารและพยานหลักฐานในสำนวนคดี ประมาณ 5 พันชุด ที่ ป.ป.ช. รวบรวมจากการสอบสวนเพื่อเสนอต่อศาล และแม้ก่อนหน้านี้ ป.ป.ช. จะยื่นฟ้องคดีดังกล่าวผ่านอัยการสูงสุด แต่อัยการกลับเห็นต่าง โดยเห็นควรฟ้องและไม่ฟ้องจำเลยบางคน ทำให้ ป.ป.ช. นำสำนวนคดีไปสอบเพิ่มเติม และครั้งนี้ก็ตัดสินใจยื่นฟ้องด้วยตัวเอง
แท็กที่เกี่ยวข้อง: