วานนี้ (24 เม.ย.2559) ผศ.สุรศักดิ์ นุ่มมีศรี นักวิชาการด้านวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ ระบุว่าปัญหาไฟป่าหมอกควัน ที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ เกิดจากการเผาเพื่อเตรียมพื้นที่ทำการเกษตร โดยเฉพาะพื้นที่ลาดชันไม่สามารถจัดการได้โดยวิธีอื่น ประกอบกับสภาพอากาศปีนี้แล้งยาวนาน และ มีพายุฝนเป็นบางพื้นที่ จึงไม่สามารถบรรเทาปัญหาหมอกควันเหมือนเช่นทุกปี
ท้องฟ้าเหนือตัวเมืองจังหวัดเชียงใหม่ ถูกปกคลุมด้วยหมอกควัน จนทัศนวิสัยในการมองเห็นลดต่ำ นับตั้งแต่ การสิ้นสุด มาตรการ 60 วันห้ามเผาของจังหวัดเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 15 เม.ย.ที่ผ่านมา ไม่ต่างจากพื้นที่อำเภอแม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ ที่ปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็กไม่เกิน 10 ไมครอน หรือ PM10 พุ่งสูงสุดเมื่อวันที่ 19 เม.ย.199 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร จากค่ามาตรฐานที่ไม่เกิน 120 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร
ข้อมูลของสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดเชียงใหม่ ระบุว่า ในช่วง 60 วันห้ามเผา ระหว่างเดือน ก.พ. - เม.ย. เมื่อปีก่อน เกิดจุดความร้อน หรือ ฮอทสปอตสะสม 1,882 จุด ขณะที่ในปีนี้ ในช่วงเวลาเดียวกัน เกิดจุดความร้อนเพียง 1,000 จุด ส่วนช่วงเวลาหลังมาตรการห้ามเผาระว่างวันที่ 16 - 22 เม.ย.ในปีก่อน พบจุดความร้อน 64 จุด ขณะที่ ปีนี้ เกิดจุดความร้อน มากถึง 571 จุด
ล่าสุด จ.เชียงใหม่ เร่งวางมาตรการระยะสั้น โดยกำหนดให้แต่ละพื้นที่ที่ต้องการเผาจะต้องแจ้งให้นายอำเภอเป็นผู้บริหารจัดการ ส่วนแผนระยะยาวจะต้องมีการทำฝายเพื่อให้ป่าชุ่มเย็น และ ลดพื้นที่ทำการเกษตรในพื้นที่ป่า โดยเฉพาะข้าวโพด