จากกรณี กระแสข่าวบนโซเชียลที่ระบุว่ามีร้านอาหารแห่งหนึ่งเปิดเพลงจากเว็บไซต์ยูทูป แล้วถูกเจ้าหน้าที่ลิขสิทธิ์เพลงจับดำเนินคดี ในข้อหาละเมิดลิขสิทธิ์
วันนี้ (1 ก.ค. 2559) รายการไทยบันเทิง ไทยพีบีเอส รวบรวมข้อมูลและจัดทำเป็นข้อแนะนำ 5 วิธีเปิดเพลงอย่างไรไม่ให้โดนจับเรื่องลิขสิทธิ์ สำหรับร้านกาแฟและร้านอาหาร
วิธีที่ 1 ใช้เพลงที่ศิลปินหรือค่ายเพลงอนุญาตให้ใช้
ซึ่งมีศิลปินบางรายและบางค่ายเพลงประกาศออกมาแล้วว่า ให้ผู้ประกอบการนำเพลงไปเปิดในร้านเลย โดยไม่คิดค่าลิขสิทธิ์ เช่น T-bone, Byrd & Heart, ค่าย Summer Disc Music Label หรือค่าย Banana Record Thailand เป็นต้น
หรือ เปิดเพลงเก่ามากที่หมดลิขสิทธิ์ไปแล้ว เช่น เพลงที่เป็นสแตนดาร์ดแจ๊สเก่า ซึ่งเพลงเหล่านี้สามารถนำมาสร้าง playlist ของเราเองใน youtube ได้ไม่โดนจับ เพียงต้องตรวจเช็คให้ดีว่าเวอร์ชันที่นำมาใช้ต้องเป็นของต้นฉบับจริงๆ เพราะไม่เช่นนั้นอาจมีลิขสิทธิ์ในส่วนของการบันทึกเสียงได้ ซึ่งสามารถเช็คได้กับกรมทรัพย์สินทางปัญญา
วิธีที่ 2 ขออนุญาตใช้เพลงให้ถูกต้อง
ลิขสิทธิ์ในประเทศไทยมีหลายเจ้ามีให้บริการซื้อเพลย์ลิสต์ที่ชอบได้ สามารถจัดให้เป็นเซ็ตและเปิดได้ตลอด 24 ชม. หากผ่านขั้นตอนอย่างถูกต้อง สนนราคาประมาณปีละ 10,000 บาทขึ้นไป ตามแต่ใบอนุญาตและบริษัทเจ้าของลิขสิทธิ์ เมื่อบวกลบคูณหารแล้วพบว่าค่าบริการต่อวันน้อยมาก
วิธีที่ 3 ระวัง "นักบิน"
นักบินเป็นศัพท์ในวงการใช้เรียกพวกสายสืบที่ไปตระเวนตามร้านต่างๆ เพื่อสังเกตว่าเปิดเพลงที่น่าจะเข้าข่ายผิดลิขสิทธิ์หรือไม่ พอเรื่องถึงโรงพักก็อาจจะเสนอข้อตกลงว่ายอมความได้ถ้าหากจ่ายเงินตามที่เรียก ดังนั้นใครมั่นใจว่าทำถูกแล้วไม่ต้องกลัว เพราะถึงที่สุดแล้วส่วนใหญ่จะถอนฟ้องไปเอง อย่างไรก็ดี หากสถานประกอบการต้องเปิดรับลูกค้าทั่วไป แนะนำให้ทำถูกกฎหมายไว้ก่อน
วิธีที่ 4 ไม่ฟังเสียงดังจนเกิดช่องให้เอาผิดได้
มี พ.ร.บ. ระบุเอาไว้ชัดเจนว่า "การกระทำอย่างใดอย่างหนึ่งแก่งานอันมีลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัตินี้ โดยไม่ได้รับอนุญาตตามมาตรา 15 (5) ให้ถือว่าเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ ถ้าได้กระทำดังต่อไปนี้ (1) ทำซ้ำหรือดัดแปลง (2) เผยแพร่ต่อสาธารณชน"
ซึ่งข้อย่อที่ (2) เข้าข่ายเสี่ยงต่อร้านกาแฟหรือร้านอาหารมากที่สุด ดังนั้น ถ้าเปิดเพลงดังใน "ที่สาธารณะ" อาจเข้าข่ายความตามกฎหมายได้
วิธีที่ 5 อย่าคิดว่าวิทยุจะรอด
การเปิดวิทยุดังให้คนในร้านฟังก็ไม่ใช่ทางออก แม้วิทยุจะมีสปอนเซอร์และเป็นบริการเปิดให้สาธารณะฟังก็ตาม แต่ถ้าทางสถานประกอบการนำมาเปิดต่อ ก็เข้าข่ายนำเพลงมาเผยแพร่ในที่สาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของลิขสิทธิ์อยู่ดี เพราะกฎหมายไทยตีความว่าการเปิดวิทยุฟังเพลงเป็นการฟังส่วนตัว การเปิดให้คนอื่นฟังในร้านอาหารถือว่าผิดกฎหมาย