เมื่อวันที่ 13 ต.ค.2568 กลุ่มฮามาสปล่อยตัวประกันชาวอิสราเอลที่ยังมีชีวิตรวมทั้งหมด 20 คน กลับสู่อิสราเอลอย่างปลอดภัยแล้ว หลังถูกจับเป็นตัวประกันในกาซานานกว่า 2 ปี โดยการปล่อยตัวแบ่งออกเป็น 2 ชุด คือ ชุดแรกจำนวน 7 คน และชุดที่สองอีก 13 คน

เอวียาตาร์ เดวิด หนึ่งในตัวประกันชาวอิสราเอลที่ได้รับการปล่อยตัว ที่โรงพยาบาลเบลลินสัน ในศูนย์การแพทย์ราบิน ในเมืองเปตะห์ติกวา ทางตอนกลางของอิสราเอล เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2568
เอวียาตาร์ เดวิด หนึ่งในตัวประกันชาวอิสราเอลที่ได้รับการปล่อยตัว ที่โรงพยาบาลเบลลินสัน ในศูนย์การแพทย์ราบิน ในเมืองเปตะห์ติกวา ทางตอนกลางของอิสราเอล เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2568
เหตุการณ์ครั้งนี้เกิดขึ้นท่ามกลางบรรยากาศแห่งความแห่งความดีใจและการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากชาวอิสราเอลที่ปักหลักรวมตัวรอคอยการกลับมา การได้รับอิสรภาพในครั้งนี้เป็นไปตามข้อตกลงหยุดยิงระยะแรกตามแผนสันติภาพของโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่อิสราเอลและกลุ่มฮามาสเห็นชอบร่วมกัน เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

ครอบครัวของหนึ่งในตัวประกันชาวอิสราเอล กำลังเฝ้าดูการส่งมอบตัวประกันในการแลกเปลี่ยนตัวประกันและข้อตกลงหยุดยิงระหว่างอิสราเอลและฮามาสในอิสราเอล เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2568
ปาเลสไตน์ต้อนรับนักโทษปล่อยตัวจากอิสราเอล
ขณะเดียวกันฝั่งกาซา ชาวปาเลสไตน์ในเมืองคาน ยูนิส ออกมารวมตัวกันเพื่อรอต้อนรับนักโทษชาวปาเลสไตน์ที่ได้รับการปล่อยตัวจากอิสราเอลกันอย่างเนืองแน่นพร้อมส่งเสียงโห่ร้องยินดี หลายคนโผเข้ากอดกันทันทีที่เห็นคนรู้จักของตนเอง
อิสราเอลปล่อยผู้ต้องขังชาวปาเลสไตน์เป็นการแลกเปลี่ยนกับการปล่อยตัวประกัน โดยตัดสินใจปล่อยนักโทษทั้งหมด 1,968 คน แบ่งเป็นนักโทษคดีความมั่นคง 250 คน ซึ่งจำนวนหนึ่งต้องโทษฐานมีส่วนร่วมในการโจมตีและสังหารประชาชนในอิสราเอล ขณะที่อีกประมาณ 1,700 คนถูกกองทัพอิสราเอลควบคุมตัวไว้โดยไม่ได้ตั้งข้อหา

ชายชูธงชาติปาเลสไตน์หน้ารถบัสที่บรรทุกอดีตผู้ต้องขังที่ถูกกองกำลังอิสราเอลปล่อยตัวจากเรือนจำ เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2568 เพื่อแลกกับตัวประกันที่ถูกกลุ่มฮามาสจับตัวไว้ในฉนวนกาซา
"ทรัมป์" ชี้ฝันร้ายของชาวอิสราเอล-ปาเลสไตน์จบลงแล้ว
บรรยากาศแห่งความยินดีทั้งในอิสราเอลและกาซาเกิดขึ้นพร้อมกับการเดินทางเยือนอิสราเอลของทรัมป์ ซึ่งได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากสมาชิกรัฐสภาอิสราเอลที่ ลุกขึ้นยืนปรบมือทันทีที่ผู้นำสหรัฐฯ เดินเข้าสู่รัฐสภา

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้รับการปรบมือก่อนกล่าวสุนทรพจน์ต่อรัฐสภาอิสราเอล ที่ กรุงเยรูซาเล็ม เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2568 ในวันเดียวกันนั้น กลุ่มฮามาสได้ส่งมอบตัวประกันชาวอิสราเอลที่ยังมีชีวิตอยู่ 20 คน ภายใต้ข้อตกลงหยุดยิง
ทรัมป์กล่าวสุนทรพจน์ว่า "ฝันร้ายอันน่าเจ็บปวดและยาวนานของชาวอิสราเอลและชาวปาเลสไตน์ได้จบลงแล้วและถึงเวลาแห่งสันติภาพสำหรับภูมิภาคตะวันออกกลาง" นอกจากนี้ยังขอให้ประธานาธิบดีอิสราเอลออกคำสั่งอภัยโทษให้กับเบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล หากถูกดำเนินคดีข้อหาทุจริตในอนาคตด้วย
โดยระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์ มีสมาชิกรัฐสภาฝ่ายซ้ายตะโกนขัดจังหวะจนถูกเจ้าหน้าที่นำตัวออกจากห้องประชุม
ด้านเนทันยาฮูใช้โอกาสระหว่างอยู่เคียงข้างผู้นำสหรัฐฯ ในรัฐสภา ระบุว่า ตนมุ่งมั่นที่จะสร้างสันติภาพ พร้อมกล่าวชื่นชมที่ทรัมป์ช่วยเป็นตัวกลางประสานการหยุดยิงระยะแรกในกาซา ซึ่งทำให้ตัวประกันได้รับการปล่อยตัว พร้อมทั้งระบุด้วยว่า ทรัมป์เป็นเพื่อนที่ดีที่สุดในทำเนียบขาวของอิสราเอล
ระหว่างการเยือนครั้งนี้ ทรัมป์ยังได้พบปะกับตัวประกันที่เพิ่งได้รับอิสรภาพและครอบครัวของพวกเขาด้วย
ทรัมป์-ผู้นำโลกลงนามข้อตกลงหยุดยิงกาซา
หลังเสร็จสิ้นภารกิจในอิสราเอล ทรัมป์เดินทางต่อไปที่เมืองชาร์ม เอล-ชีคต์ ของอียิปต์เพื่อร่วมประชุมสันติภาพกาซา พร้อมกับผู้นำโลกอีกมากกว่า 20 ประเทศ ซึ่งการประชุมครั้งนี้ทรัมป์และประธานาธิบดีอียิปต์เป็นเจ้าภาพร่วมกัน มีเป้าหมายเพื่อยุติสงครามในกาซา รวมถึงเพิ่มความพยายามในการสร้างสันติภาพและเสถียรภาพในตะวันออกกลาง

ทรัมป์และผู้นำโลกหลายคนร่วมลงนามในฐานะผู้รับประกันข้อตกลงหยุดยิงในกาซา โดยเน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นที่จะยุติความขัดแย้งซึ่งดำเนินมานานกว่า 2 ปี และแสดงวิสัยทัศน์สำหรับภูมิภาคที่นิยามโดย "ความหวัง ความมั่นคง และ วิสัยทัศน์ร่วม เพื่อสันติภาพและความมั่งคั่ง" พร้อมย้ำถึงการแก้ไขปัญหาขัดแย้งในอนาคตผ่านกลไกทางการทูต และระบุด้วยว่า "นี่คือบทใหม่สำหรับภูมิภาค"
ทรัมป์ยังใช้โอกาสเข้าร่วมประชุมกล่าวยกย่องผู้นำที่มารวมตัวว่าเป็นผู้ยิ่งใหญ่ที่สุด (the greatest) พร้อมทั้งระบุว่า ข้อตกลงหยุดยิงกาซาเปิดประตูสู่การฟื้นฟูกาซา วันใหม้ที่สวยงามเริ่มต้นขึ้นแล้ว การฟื้นฟูเริ่มต้นขึ้นแล้ว
อ่านข่าว : สภาพอากาศวันนี้ เตือน "อีสาน-กลาง-ตะวันออก-ใต้" ฝนตกหนักบางพื้นที่