วันนี้ (5 ส.ค.2559) ศิษย์เก่าและศิษย์ปัจจุบันโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า ร่วมงานวันพระราชกำเนิดโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้าครบรอบ 129 ปี ณ โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า เขาชะโงก จังหวัดนครนายก โดยมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช.ในเครื่องแบบนายทหาร พร้อมติดเครื่องหมายทหารนอกราชการที่อกเสื้อ ร่วมวางพานพุ่มถวายสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
นอกจากนี้ยังนายทหารชั้นผู้ใหญ่ ซึ่งเป็นศิษเก่าโรงเรียนนายร้อย จปร.แต่ละรุ่นวางพานพุ่มถวายสักการะอย่างพร้อมเพรียง พระบรมราชานุสาวรีย์รัชกาลที่5 โดยมีบุคคลสำคัญ เช่น พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา ปลัดกระทรวงกลาโหม พล.อ.สมหมาย เกาฏีระ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด พล.อ.ธีรชัย นาควานิช ผู้บัญชาการทหารบก
พล.อ.ประยุทธ์ ระบุว่า ในวันนี้อยู่ในหลายสถานะ ทั้งเป็นผู้รับผิดชอบบริหารราชการแผ่นดินและทหารนอกราชการ ซึ่งการเป็นทหารต้องเป็นจนวันตาย พร้อมระบุว่า สถานการณ์บ้านเมืองในขณะนี้จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกฝ่าย สร้างเสถียรภาพทุกด้าน ทั้งนี้นับตั้งแต่ 22 พฤษภาคม 2557 คสช.ได้เดินหน้าขับเคลื่อนแก้ปัญหาความขัดแย้ง และมุ่งวางรากฐานประเทศ รวมทั้งสร้างความสงบเรียบร้อยให้ได้ภายใน 5 ปี สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ประเทศ ขณะที่อีก 2 วันข้างหน้า ถือเป็นวันสำคัญที่คนไทยจะร่วมกันกำหนดอนาคตประเทศ ด้วยการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญในการขับเคลื่อนกลไกประเทศตามหลักสากล เพื่อจัดการเลือกตั้งในปี 2560 ตามโรดแมป แม้ว่าจะไม่สามารถทำให้รัฐธรรมนูญเป็นที่ถูกใจประชาชนได้ 100 เปอร์เซ็นต์
นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า จะใช้สิทธิออกเสียงประชามติรับร่างรัฐธรรมนูญหลังจากศึกษาพิจารณามาเป็นอย่างดีแล้ว โดยไม่ได้ชี้นำและไม่ได้ใช้อำนาจแบบเผด็จการทหาร แต่เปิดโอกาสให้ประชาชนตัดสินใจออกเสียงประชามติ และเปิดช่องทางแลกเปลี่ยนความคิดเห็นมาโดยตลอด พร้อมย้ำว่า แม้อนาคตจะไม่มีรัฐบาลใหม่แล้วก็ยังจะเป็น พล.อ.ประยุทธ์ คนเดิมที่พร้อมช่วยเหลือประเทศชาติ โดยไม่ขัดแย้งกับรัฐบาลใด และไม่มีความคิดสืบทอดอำนาจ รวมทั้งขอให้เชื่อมั่นว่าทหารจะยังช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนต่อไป ไม่ว่าคสช.จะยังอยู่หรือไม่ พร้อมย้ำว่า อย่ากลัวผีที่มองไม่เห็นตัวหรือกลัวในสิ่งที่ยังมาไม่ถึง
"ส่วนตัวผมนะ อย่าไปเขียนบิดเบือน ผมก็จะไปลงประชามติในฐานะประชาชนคนหนึ่ง ถามว่าเห็นชอบหรือไม่ ผมจะลงเห็นชอบทั้งสองอย่าง เพราะถ้าอย่างใดอย่างหนึ่งมันไปไม่ได้ ทุกอย่างกลับมาที่เดิมหมด อีกประเด็นที่สำคัญกว่าคือ ต้องใช้เวลาที่เหลือทำกฎหมายลูก ซึ่งมีหลายอย่างทั้ง พ.ร.บ. กฎกระทรวง ระเบียบข้อบังคับต่างๆที่จะทำให้รัฐธรรมนูยฉบับนี้นำไปสู่การปฏิบัติให้ได้" นายกรัฐมนตรี กล่าว