ข่าวเด่น 2559 : ตรวจสอบทุจริตโครงการขุดลอกคลอง จ.นครราชสีมา

ภูมิภาค
28 ธ.ค. 59
22:36
883
Logo Thai PBS
ข่าวเด่น  2559 : ตรวจสอบทุจริตโครงการขุดลอกคลอง จ.นครราชสีมา
แม้ว่าปี 2559 รัฐบาลจะให้ความสำคัญกับการปราบปรามการทุจริต แต่ "ไทยพีบีเอส" ยังตรวจสอบพบความไม่ชอบมาพากลในโครงการต่างๆ ในระดับท้องถิ่น แม้งบประมาณจะไม่มากนักเมื่อเทียบกับโครงการของรัฐในระดับชาติ แต่ก็สะท้อนให้เห็นถึงปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่นที่ยังมีอยู่

คลองส่งน้ำเขตตำบลหมื่นไวย์ เชื่อมต่อ ต.หนองกระทุ่ม อ.เมืองนครราชสีมา เป็น 1 ใน 240 โครงการที่ผู้รับเหมาทำสัญญากับ อบจ.นครราชสีมา เพื่อดำเนินการขุดลอกคลอง โครงการละ 5 แสนบาท โดยนำเงินสะสม หรือเรียกว่า จ่ายขาดเงินสะสมประจำปี 2559 จำนวน 120 ล้านบาทมาใช้ แต่โครงการนี้ คณะกรรมการระดับจังหวัดและสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินเข้าตรวจสอบเมื่อช่วงกลางปี 2559 หลังจากมีผู้ร้องเรียนว่าบางโครงการไม่ได้ดำเนินการขุดลอก แต่กลับมีการเบิกงบประมาณ

ไทยพีบีเอสลงพื้นที่สอบถามชาวบ้านในจุดที่ผู้รับเหมาและคณะกรรมการควบคุมงานของ อบจ.ทั้ง 4 คนอ้างว่าดำเนินการขุดลอก แต่ทีมข่าวได้รับการยืนยันจากชาวบ้านว่า ในช่วง 2 ปีที่ไม่มีการขุดลอกคลองแต่อย่างใด

นโยบายรัฐบาลที่ต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจสู่ชุมชนโดยเร็วทำให้สภา อบจ.นครราชสีมา มีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงงบประมาณ โดยให้ทุกๆ โครงการใช้งบประมาณเพียง 5 แสนบาท และใช้วิธีตกลงราคาแทนการสอบราคา อีกทั้งคณะกรรมการควบคุมงานที่อาจบกพร่องหรือละเลยต่อหน้าที่ ทำให้โครงการนี้พบการทุจริต

โครงการขุดลอกคลองของ อบจ.นครราชสีมา จำนวน 11 โครงการ ซึ่งผู้รับเหมาได้มีการเบิกจ่ายไปแล้ว 5.5 ล้านบาท แต่จากการตรวจสอบของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินกลับพบว่าทั้ง 11 โครงการไม่ได้ดำเนินการขุดลอกจริง และแม้ว่าผู้รับเหมาจะมีการคืนเงินให้กับ อบจ.แล้ว แต่ว่าผู้อำนวยการสำนักตรวจสอบภาค 4 ระบุว่า ความผิดได้เกิดขึ้นแล้ว ทำให้ อบจ.นครราชสีมา ได้เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้อง

กรรมการควบคุมงานของอบจ.ทั้ง 4 คนซึ่งขณะนี้ถูกแจ้งความดำเนินคดี ขณะที่สำนักตรวจสอบพิเศษภาค 4 ตรวจสอบการเบิกจ่ายงบประมาณโครงการขุดลอกว่ามีใครเกี่ยวข้อง ขณะเดียวกันก็ได้ทำหนังสือท้วงติงไปยัง อบจ.ว่า การขุดลอกคลองอยู่ในอำนาจหน้าที่หรือไม่ เพราะโครงการขุดลอกส่วนใหญ่เป็นอำนาจของ อบต. และชลประทาน

การตรวจพบทุจริตโครงการขุดลอกของ อบจ.นครราชสีมา และเกิดความเสียหายต่องบประมาณแผ่นดินจำนวน 5.5 ล้านบาท ซึ่งสำนักตรวจสอบพิเศษภาค 4 ได้รวบรวมพยานหลักฐานแล้วเสร็จ และเตรียมส่งสำนวนให้ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินชี้มูล

ข่าวที่เกี่ยวข้อง